Jakarta – Bandung เที่ยวอินโดนั้นโก้นะแก

อินโดนีเซีย ประเทศที่ไปครั้งเดียวไม่เคยพอ เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวครบและหลากหลาย ทะเล ภูเขาไฟที่ไปกี่ทีก็ยังมีให้เที่ยวไม่ซ้ำนี่ถึงขนาดตั้งใจอยากไปเก็บให้ครบทั้งประเทศนี้เลย

 

รู้จักอินโดนีเซีย?

อินโดนีเซีย เป็นหมู่เกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ราวๆ 15,000 เกาะ ตั้งอยู่ระหว่างคาบสมุทรอินโดจีนกับทวีปออสเตรเลีย  จึงไม่น่าแปลกใจที่อินโดนีเซียจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากที่สุด  

ภูมิอากาศ
อากาศร้อนชื้นแบบศูนย์สูตร มี 2 ฤดู คือ ฤดูแล้ง (พฤษภาคม-ตุลาคม) และฤดูฝน (พฤศจิกายน-เมษายน)

สกุลเงิน
อินโดนีเซีย เรียกว่า รูเปียห์

เวลา
โดยเขตตะวันตกเวลาเทียบเท่ากับประเทศไทย เขตกลางเวลาเร็วกว่าไทย 1 ชั่งโมง และเขตตะวันออกเวลาเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง 

อินโดนีเซีย แบ่งเขตการปกครองออกเป็นหมู่เกาะ เช่น หมู่เกาะสุมาตรา เกาะบอร์เนียว เกาะชวา เกาะซูลาเวซี หมู่เกาะโมลุกะ และเกาะนิวกินี

เมืองที่คนไทยนิยมไปเที่ยวมากที่สุดคือ “บาหลี” ถึงขนาดพ่อค้าแม่ขายต้องฝึกภาษาไทยเพื่อคุยกับลูกค้า แต่ทริปนี้เราขอนำเสนอทางเลือกใหม่ๆ สำหรับคนที่บอกว่าเคยไป บาหลี แล้วแต่อยากไปอินโดนีเซียอีกมีที่ไหนแนะนำบ้าง ตามแม่มาจ้า จะพาไปนั่งรถไฟไฮโซจาก Jakarta (จาการ์ต้า) เพื่อไปสู่เมือง Bandung (บันดุง)​ อ้าวงงล่ะสิ! บันดุงตุ้งแช่ชื่อนี้ไม่คุ้นหูเลยใช่มั้ย มะ แม่จะเล่าให้ฟัง

เมือง Bandung 
อยู่ในจังหวัดชวาตะวันตก เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศ  โดยปกติจะมีอากาศเย็นกว่าเมืองอื่น เนื่องจากอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ  768 เมตร และเป็นเมืองที่รายล้อมด้วยภูเขาไฟ

เมือง Jakarta 
จาการ์ต้า เป็นเมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซีย และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีผู้คนอาศัยกันอย่างเนืองแน่น คุณว่ากรุงเทพฯ รถติดแล้ว จาการ์ต้าติดกว่าจ้า แต่ช้าก่อน! อยากให้มองข้ามความรถติดไป เพราะเมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก ทั้งเมืองเก่า ตึกสูง พิพิธภัณฑ์ และอาหารเลิศรส

การเดินทางไป Bandung จากประเทศไทย สามารถขึ้นเครื่องบินไปลงที่เมือง Jakarta (เมืองหลวงของอินโดนีเซีย) โดยสายการบินแอร์เอเชีย ให้บริการวันละ 3 เที่ยวบิน เช็คราคาและเวลาบินได้ที่ https://www.airasia.com/  ใช้เวลาเดินทางประมาณ  3 ชั่วโมงกว่าๆ 
 
อินโดนีเซียเที่ยวง่ายไม่ต้องขอวีซ่า พกเงินและพาสปอร์ตก็ไปได้เลย!

เราเลือกเดินทางเที่ยวแรกคือ 11.20 น.

ไม่ลืมที่จะสำรองอาหารล่วงหน้า กระเพราแสนอร่อยและเบอร์เกอร์สีสวย 

หลับไปสักตื่น พอฟื้น! เอ๊ยย ลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเราได้ถึงแผ่นดินอินโดนีเซียเป็นที่เรียบร้อย

สนามบินจาการ์ต้าก็สวยงามตามท้องเรื่อง อย่าถามหารูปประกอบเลยตอนนั้นง่วงๆ เดินสะโหลสะเหลไปรับกระเป๋าแล้วเราก็ออกไปหาอะไรกินกันในมื้อเย็นเลย
_________________________________________

PENANG  BISTRO

ใช่ค่ะอิชั้นอยู่ที่จาการ์ต้าแต่ขอไปนั่งสวยๆ กินอาหารร้านที่ชื่อเหมือนอยู่มาเลเซีย Penang Bistro ร้านสวยดูดี อาหารอร่อย ถือเป็นมื้อแรกในจาการ์ต้าที่ดูดี ประทับใจ

ไก่สะเต๊ะ เป็นเมนูที่ฮอตฮิตมากเมื่อมาเที่ยวที่นี่ คุณจะเห็นร้านเนื้อสะเต๊ะ ไก่สะเต๊ะเต็มไปหมด ซึ่งแต่ละร้านก็มีทีเด็ดแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการหมักซอสสูตรเฉพาะของเชฟด้วย

เมนูนี้เป็นไข่เจียวกระทะร้อน อร่อยมากๆ

Stir fry water spinach “ซาโปะทาฮู” เต้าหู้ทรงเครื่องพร้อมไก่ ผัก เสิร์ฟในหม้อดินร้อน

Es Durian Cendol เมนูของหวานทุเรียน ใส่น้ำแข็งเย็นๆ เป็นครั้งแรกที่เคยได้ชิมทุเรียนน้ำกะทิก็อร่อยดีนะ

อิ่มแล้วจะพาไปเดินย่อยอาหาร กันไปดู Street food ในย่านนี้กันหน่อย

ก็จะมีอาหารขายสองข้างทางเหมือนบ้านเราเลย

ซีฟู้ดเต็มท้องถนนเลยเธอ

หลังจากนั้นได้เวลาไปผจญภัยกับอลิซในรถไฟมหัศจรรย์กันแล้วที่สถานี Gambir Station (สถานีรถไฟกัมบีร์)  สถานีแห่งนี้สร้างในยุคอาณานิคมดัตช์ และได้รับการบูรณะในปี คศ. 1990 

ผู้คนขวักไขว่ต่างก็อยากไปตบซ้องปีบที่เมืองเหนือ ผิด!

นึกว่าอยู่ตลาดปลา ละลานตาไปด้วยปลาคาร์ป

จัดเป็นสถานีรถไฟที่สวยงาม สดใส ทีเดียวเชียว

เราขึ้นรถไฟรอบ 2 ทุ่มค่ะ  ซึ่งรถไฟจะมีหลายระดับ หลายราคา เลือกเอาตามกำลังเงินก็แล้วกันนะ 
Economy class: IDR 110.000
Executive class: IDR 150.000
Priority class: IDR 290.000

เมื่อรถไฟมาก็ตื่นเต้นเลยทีเดียว โบกี้หน้าคืออย่างคลาสสิก

โบกี้นี้คือแบบ Executive class ขากลับเรานั่งแบบนี้ ดูสะอาด ใหม่ น่านั่ง

แต่ขาไปขอนั่งอะไรที่คลาสสิก หรูหรา แบบเฟิร์สคลาสกันหน่อย

เบาะดี นั่งสบาย กว้าง มีจอให้ดู (ที่เราไม่ได้ดู) 

มีมุมชา กาแฟ ไปนั่งจิบเม้ามอยมุมนี้ได้ ส่วนตัวสุด

และมีแอร์ เอ๊ย!! เรียกพี่เค้าว่าอะไรดี รู้แต่ว่าพี่เสิร์ฟขนมด้วยจ้า

เปิดกล่องมามีถั่วแม่ก็ดีใจมากกก คืนนี้เพลินละสิ

ตัดภาพมาใช้การเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึง Bundung  หลังจากนั้นก็เข้าไปเช็คอินโรงแรมเกือบๆ เที่ยงคืนได้ นอนตายไปเลย จนเช้าก็ได้เวลาเที่ยวเมืองนี้กัน

___________________________________

KAWAH  PUTIH

สวัสดีรถส้มอินทนนท์ ผิด!! ที่นี่คือ Kawah Putih ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟ อยู่ห่างจากบันดุงประมาณ 50 กม.

การเดินทางไป Kawah Putih  สามารถไปได้หลายแบบ ได้แก่

1.ใช้เอลฟ์ (รถยนต์ประเภท Hi-Ace) จากสถานี Leuwi Panjang ไปยังอาคาร Ciwidey Terminal (ค่าโดยสารโดยประมาณ: IDR 20,000 – / เที่ยวเดียว)

2.รถสาธารณะต่อ (Angkot) จากสถานี Ciwidey ไปยังทางเข้า White Crater Entrance (ค่าโดยสารโดยประมาณ IDR 10.000, – / เที่ยวเดียว)

  1. เดินทางต่อด้วย Shuttle Car (เรียกว่า Ontang-anting) ไปที่ด้านบนของ White Crater (ค่าโดยสารประมาณ 40,000 IDR, – / return)

หรือสะดวกสบายเช่ารถตู้ (แบบเรา) www.shandyrentcar.com  หรืออีกวิธีคือนั่ง Grab จากสถานีรถไฟ Stasiun Bandung ไปที่ทะเลสาบเลย

มีตัวอะไรมายืนต้อนรับด้วย

แม่ไข่ก็เที่ยวภูเขาไฟมาเยอะนะคะ แต่ที่นี่คือสวยแบบเป็นเอกลักษณ์ด้วยน้ำสีเขียว ตัดกับท้องฟ้าสีน้ำเงิน มีสะพานให้เดินไปกลางน้ำด้วย

ทะเลสาบปล่อยภูเขาไฟแห่งนี้ สูงจากระดับน้ำทะเล 2,430 เมตร  อากาศหนาวเลยนะ ที่เห็นใส่เสื้อยืดคือถอดเสื้อสู้มาก 555 และกลิ่นกำมะถันค่อนข้างแรงอย่างลืมใส่หน้ากากด้วย

เป็นทะเลสาบที่มีกรดสูงมาก (ค่า pH 0.5-1.3) ซึ่งเปลี่ยนสีจากสีน้ำเงินเป็นสีเขียวหรือน้ำตาลขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของกำมะถันและอุณหภูมิหรือสถานะออกซิเดชัน ทรายและโขดหินที่ล้อมรอบทะเลสาบยังถูกชะล้างด้วยสีขาวด้วยการมีปฏิสัมพันธ์กับน้ำในทะเลสาบที่เป็นกรด 

โพสต์ท่าไปเรื่อย กะอวดเพื่อนได้ทั้งเดือนเลย

อย่าลืมเดินไปชมธรรมชาติอีกฝั่งนะ  หลายคนพลาดจุดนี้

มีบ้านให้นั่งพักเหนื่อยด้วย

เดินพอเหนื่อยนิดหน่อยแบบอยากจะถอดเสื้อเขวี้ยง มาถึงจุดนี้เราก็สามารถเห็นทะเลสาบได้แบบกว้างๆ 

ที่นี่ไม่อยากให้พลาดเตรียมพร็อพให้พร้อม แล้วไปกัน

___________________________________

      
RANCABALI  TEA  PLANTATION

ไร่ชาที่อยู่ระหว่างทางไปทะเลสาบ และ Glamping Lakeside จะแวะก่อนไปหรือขากลับก็แล้วแต่สะดวกเลย ใน IG เคยเห็นมีคนโพสต์รูปตอนหมอกสวยๆ ด้วยนะอลังอยู่

ชะนีกางเกงแดงที่หอบหมวกใบใหญ่จากเกาะเกร็ด ใครจะสู้หล่อน!!

___________________________________

 

GLAMPING  LAKESIDE 

คาเฟ่เรือนั่นเองค่ะ ใช้เวลาเดินทางจากทะเลสาบประมาณ 40 นาที ถ้ามองจากภาพมุมสูงคือเรือลำใหญ่มากกก ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ มีความอลังการเว่อร์วังอยู่ถ้าอยากเดินบนสะพานแขวนต้องเสียเงินเพิ่มนะคะ 

บนเรือมีอะไร? นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะแวะมาทานอาหารเที่ยงที่นี่หลังจากกลับจากไปดูทะเลสาบปล่องภูเขาไฟนั่นแหละ

เรือลำใหญ่เลือกที่นั่งได้ตามใจชอบเลย 

และถ้าอยากฟินกับบรรยากาศที่นี่มีบริการที่พัก และเต็นท์ติดแอร์ด้วยนะ นอนท่ามกลางไร่ชา ริมทะเลสาบ ก็ดีนะเออ

จองที่พัก https://www.glampinglakesiderancabali.com/

ใกล้ๆ เรือบริเวณที่จอดรถจะมีอาหาร local หน่อยให้บริการ แต่วิวสวยนะ

ไอศกรีมชาเขียวคือดี

การเดินทางไป Glamping Lakeside

1. รถโดยสารจากสถานี Leuwi Panjang ไปยังอาคาร Ciwidey Terminal จ่าย IDR 12.000 ต่อด้วยสีเหลือง“ angkot” โดยมี Situ Patenggang เป็นจุดหมายปลายทาง (IDR 10.000 – 15.000 ขึ้นอยู่กับผู้ขับขี่) บอกให้คนขับหยุดที่ทะเลสาบ Glamping หลังจากมาถึงประตูของ Glamping จะต้องใช้มอเตอร์ไซค์ ราคาประมาณ IDR 15.000 ต่อคน นั่งประมาณ 3 กม.
2.เรียก Grab จาก Kawah Putih 

___________________________________

SAUNG  GAWIR RESTAURANT

หากใครไม่อยากทานอาหารบนเรือที่เต็มไปด้วยผู้คน ก็นี่เลยทนหิวมาอีกหน่อย เป็นการนั่งทานอาหารที่วางบนแคร่แบบบ้านเรา แล้วก็นั่งพื้น จกด้วยมือ ผิด! เค้ามีช้อนให้จ๊ะ

อาหารก็อลังการ เสิร์ฟมาสวยๆ ข้าวใส่โถมีฝาปิดแอบมีโรยหน้าด้วยพริกเล็กน้อย เรียกว่า นาซี่ Liwet Kastrol ข้าวมีรสเค็มและเผ็ดเล็กน้อย 
อาหารแนะนำ ได้แก่
– ไก่ทอด“ Ayam goreng 3 potong” ไก่ทอดพร้อมเครื่องเทศอินโดนีเซีย
– ไก่ทอดซอสพริกเขียว“ Ayam goreng sambal hijau 3 potong” ไก่ทอดเผ็ดเพราะมันปรุงแต่งด้วยพริกเขียว
– ปลาทอด 
– Sauteed Kale Original“ Tumis Kangkung Polos” ผักโขมผัดปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม
– ผัดผักคะน้า“ Tumis kiciwis” รสชาติคล้ายกับผักโขมผัดน้ำ แต่เพิ่มรสชาติเผ็ด
– ซุปผักมะขาม ““ Sayur asem” 
– ซอสพริก“ Sambal / lalab” คือดีเลยช่วยให้อร่อยเพิ่มขึ้นเยอะ

โดยรวมคืออร่อยเกินครึ่ง ทุกคนดูแฮบปี้

กำลังอิ่มพร้อมนอนขึ้นรถปุ๊บ เจอขบวนแห่นึกว่ารำกลองยาวเกือบวิ่งไปเซิ้งแล้ว เป็นพิธีแห่รับขวัญเด็กสักอย่างนี่แหละค่ะ แอบจำไม่ได้แล้วแต่สนุกคึกคักดีอยากเล่า

___________________________________

TRANS  STUDIO  BANDUNG

สวนสนุกในร่มสำหรับครอบครัว มีคิงคองตัวใหญ่เป็นสัญลักษณ์ ด้านใน  รวมความบันเทิงไว้ 20 แบบ ในสไตล์บรอดเวย์ ทั้งเครื่องเล่น และโชว์ต่าง ๆ  แบ่งเป็น 3 โซน ได้แก่ 
Studio Central
Lost City
Magic Corner

เครื่องเล่นนี้แอบหวาดเสียวอยู่นะเออ

นั่งกระเช้าชมวิวมุมสูง

ค่าบริการ :
จันทร์ – พฤหัสบดี  IDR 180,000 
ศุกร์ IDR 200,000 
เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ IDR 280,000

เปิดบริการ
จันทร์ – ศุกร์  10.00 – 18.00 น.
เสาร์ – อาทิตย์ 10.00 – 19.00 น.

__________________________________

SATE  RM  HARRIS

ร้านเด็ด ร้านดัง ที่เน้นสะเต๊ะ

เมนูเด็ด ได้แก่

– Lamb Satay“ Sate kambing” เนื้อแพะนิ่มเคลือบด้วยเครื่องเทศและซอสถั่วเหลืองหวาน
– Chicken Satay“ Sate ayam” เนื้อไก่นุ่มปรุงรสด้วยส่วนผสมพิเศษจากร้านอาหาร RM Harris
– Lamb Curry“ Gule kambing” เนื้อแพะปรุงรสด้วยซอสแกงที่มีรสชาติเผ็ดเล็กน้อยและเผ็ดเล็กน้อย)
– ซอสถั่วลิสง“ Saus kacang” ซอสปรุงรสถั่วลิสงสำหรับสะเต๊ะรสหวานเหมาะสำหรับสะเต๊ะทุกประเภท

 

__________________________________

SUDIRMAN  STREET

ใครไม่อิ่มหรืออาหารไม่ถูกปากแนะนำให้ไปที่นี่ Sudirman Street อารมณ์เหมือนโต้รุ่ง ที่มีอาหารหลากหลายแนว กึ่งๆ เยาวราชเล็กๆ 

ใครอยากกินหมูต้องได้กิน!

กล้วยทอดนี่คือต้องลองเลยนะ 

คึกคักกันเลยทีเดียว ใครใคร่อยากดื่มเบียร์ก็มีร้านขายในย่านนี้

 

อยากให้เดินมาจนสุดจะพบกับร้านบัวลอยน้ำขิงชื่อดัง น้ำขิงที่นี่กลิ่นและรสชาติไม่แรงเท่าบ้านเรานะ

มีร้านน้ำปั่นชื่อร้าน สวัสดี พยายามเข้าไปคุยภาษาไทยด้วยนึกว่าจะพูดได้แต่เปล่าจ้า  555

 

__________________________________

DOMAS CRATER (KAWAH DOMAS)

หนึ่งในปล่อง ภูเขาไฟ Mount Tangkuban Perahu ที่มอดดำ ปลอดภัย ที่สามารถเที่ยวได้คือ  Kawah Domas ซึ่งเราจะต้องเดินไปกันค่ะ  ระยะประมาณ 1.2  กม. ที่นี่ต้องซื้อตั๋วเข้าไปคนละ IDR 100,000 และต้องมีไกด์นำทาง 5-6 คน ต่อไกด์ 1 คน

เป็นการเดินเข้าป่าที่ต้องแต่งตัวสวยเบอร์นี้  ทางที่เดินคือสบายๆ อากาศเย็น ป่าเขียวๆ สดชื่น  ที่นี่มีต้นไม้อายุกว่า 100  ปีเยอะเลย ทางเดินก็ง่ายๆ ชิลล์ๆ ไม่ได้ยากอะไร

มีของขายบ้างเป็นระยะ อย่างไม้ที่มีเนื้อสวยงามแบบนี้ตัดเป็นแจกันใส่ดอกไม้ได้

ใช้เวลาเดินประมาณแค่ 20-30 นาที ก็ถึง

ลักษณะคือเป็นปากปล่องภูเขาไฟที่ยังคงทำงานอยู่ ซึ่งการระเบิดครั้งสุดท้ายของ Kawah Domas ในปี 1969 ตอนนี้แม้ว่าจะยังเห็นเป็นแค่ควันเล็กๆ แต่หน่วยงานของอินโดนีเซียที่ยังคงเฝ้าดู

โพสต์ท่ายังไงให้เพื่อนเบ้ปาก!

มีมุมให้ถ่ายรูปเก๋ๆ 

บ่อน้ำพุร้อนที่สามารถต้มไข่ให้สุกได้

ปังๆ คนเดียว

หรือมาคู่แบบไม่มีใครยอมกัน!

“แม่ๆ คนไทยนี่บ้าถ่ายรูปกันเนอะ” 
เสียงในใจของผู้ชายคนนั้น

ก่อนจะบ๊ายบายมารวมภาพแบบหมู่ๆ กันหน่อย ใครเอ่ยไม่เข้าพวก!

ขากลับก็เดินกลับทางเดิมนะจ๊ะ เมื่อยก็มีพี่วินคอยถามเป็นระยะ ราคาประมาณ 100 บาท (นี่ต่อรองนางแล้วนะ)

เปิดบริการตั้งแต่เวลา 08.00 – 15.30 น.

__________________________________

TANGKUBAN  PERAHU

Tangkuban Perahu ภูเขาไฟขนาดใหญ่โด่งดังที่สุดในเมืองบันดุง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 28 กม. ตอนดูในภาพก่อนไปที่นี่ดูเฉยๆ พอไปถึงอลังการกว่าที่คิดมาก

Tangkuban Perahu เป็นภูเขาไฟที่มีหลุมอุกกาบาตสามแห่งซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินผ่านบริเวณนี้ได้ ทั้งสามหลุมอุกกาบาตคือ
– Kawah Ratu ราชินีปล่องภูเขาไฟ  ลักษณะเป็นหลุมสีเทาขนาดใหญ่ บางครั้งก็จะมีแอ่งน้ำอยู่ แต่ก็เต็มไปด้วยก๊าซอันตรายจึงไม่แนะนำให้เดินลงไป
-Kawah Domas (Domas Crater ท่ีไปก่อนหน้า)
– Kawah Upas (Upas Crater) เป็นปล่องภูเขาไฟที่เก่าแก่ที่สุด

ในวันที่ฟ้าเปิดจะเห็นชัดเจนว่าเป็นรูปคล้ายเรือคว่ำ

เราสามารถเดินไปถ่ายรูปรอบๆ บริเวณภูเขาไฟ โน่นจะเห็นคนไกลๆ ลิบๆนั่น คือที่นี่ใหญ่มากจริงๆ ค่ะ

กำลังถ่ายรูปเพลินๆ ก็มีสตรอว์เบอร์รี มัลเบอร์รี มาขายกันเต็มเลย

ข้างๆ ที่จอดรถมีมัสยิดสีสวยแวะไปถ่ายรูปได้ค่ะ

__________________________________

DAPUR  DAHAPATI

Dapur Dahapati ตั้งอยู่ภายในอาคารยุคอาณานิคมที่ถนน Cipaganti ซึ่งเป็นถนนสายหลักในบันดุง ย้อนกลับไปในยุคอาณานิคมดัตช์ ซิปากันติ เป็นบ้านพักและบ้านโบราณที่สวยงาม และมีเรื่องราวมากมายในบ้านหลังนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ของไทยด้วยนะ

เมนูแนะนำ

– Chicken Soto“ Soto Ayam” ซุปกับซอสสีเหลืองพร้อมไก่ยัดไส้ กะหล่ำปลีเส้นก๋วยเตี๋ยว
– ไก่ทอด“ Ayam Goreng” ไก่ผัดเครื่องเทศอินโดนีเซีย
– ซุปหางวัวทอด
– ซุปหางวัวดาปาปา
– เต้าหู้ทอดเสิร์ฟพร้อมผัก
– เทมพี“ เทมพี” อาหารที่ทำจากถั่วเหลืองแล้วทอด
– ซอสพริก“ Sambal / lalab” 
– ชาร้อน“ Teh Panas” 

__________________________________

 เดินเล่นยามเย็นที่บันดุง ถนนหนทางเต็มไปด้วยสีสัน

นี่ไม่ใช่ฮาโลวีนแต่ก็มีผีออกมาหลอกตามถนน ใครไม่กลัวอยากถ่ายรูปด้วยก็ให้เงินผีซะหน่อยนะ

สวนสาธารณะสีเขียวที่ห้ามใส่รองเท้าเข้าไป

ใครนั่งรถแบบนี้เที่ยวรอบเมืองมีให้เลือกหลากสีเลย

เดินมาเรื่อยๆ ถึง  Braga Street เต็มไปด้วยคาเฟ่และงานศิลปะ ถนนเล็กๆ ใจกลางเมืองบันดุง ถนนเส้นนี้ได้รับขนานนามว่า “ปารีสแห่งชวา” 

ลองเดินเข้าไปในตรอกนี้ดูนะมีอาหารสดๆ ดนตรีเปิดหมวกแบบ Local จริงๆ

 

__________________________________

 FATAHILLAH  SQUARE

ว้าบบบบมาที่จาการ์ต้า ซึ่งเรากลับด้วยรถไฟเวลาเดิม หลับเป็นตายเช้ามาก็มาเก็บที่เที่ยวในเมืองต่อค่ะ สถานที่ที่ต้องไปเช็คอินก็คือ จัตุรัส Fatahillah

ย้อนไปในสมัยล่าอาณานิคม จัตุรัส Fatahillah ถูกเรียกว่า ปัตตาเวีย (Batavia) โดยสถาปัตยกรรมภายในเมืองจะเป็นสไตล์ยุโรป และถูกสร้างโดยสถาปนิกชาวดัตช์ ซึ่งในปัจจุบันก็ยังพอมีหลงเหลืออยู่ 

ที่นี่จะคึกคักมาก มีจักรยานให้เช่าปั่นสีสดใส โดยสีชมพูจะฮิตสุด

เดินไปข้างๆ จะมีคาเฟ่เก๋ๆ อยู่ร้านหนึ่งชื่อ Historia  ด้านในเก๋ เท่ ถ่ายรูปสวย

__________________________________

TUGU  RIJSTAFEL  BETAWI

ปิดท้ายก่อนขึ้นเครื่องด้วยการดินเนอร์หรูหรา จนหมาไม่กล้าเห่า เพราะหมาไม่มี ตึงโป๊ะ!! 

มองจากข้างนอกเฉยๆ ใช่มั้ยจ๊ะ พอเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหละ แทบอยากจะวิ่งไปเปลี่ยนชุดสวยๆ ที่นี่เป็น The Traditional Grand Rijsttafel คือจะให้ความสำคัญการโต๊ะอาหารเป็นหลัก 

การตกแต่งมีกลิ่นอายของจีน และชาวดัตช์ในยุคเก่า ใครที่อยากเป็นส่วนตัวก็มีในส่วนไพรเวทให้บริการด้วย

ก่อนทานอาหารก็จะมีโชว์ให้ชมด้วย 

 

อาหารจะค่อยๆ เสิร์ฟทีละอย่าง ดูแต่ละจานจะเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็อิ่มอยู่นะ
เมนูที่เสิร์ฟ
– Nasi Uduk ข้าวอบกลิ่นมะพร้าว
– Opor Duck “Bebek Opor” เป็ดย่างนุ่มในแกงกะทิพร้อมมันฝรั่งทอดและแตงกวา Japanase kyuri
– ลิ้นวัว Semur Betawi 
– Betawi Soft Satay เนื้อสะเต๊ะ
– กุ้งทอดกรอบ  (อร่อยมาก)
และอีกหลายเมนูค่ะ  ชื่อจำยาก

ใครอยากจะมาดินเนอร์หวานๆ ก็มีมุมส่วนตัวนะฮะ

ในร้านยังมีส่วนของงานคราฟท์ งานแฮนเมด และงานศิลปะให้ซื้อกลับบ้านได้ด้วย

ขากลับเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชียเหมือนเดิม มีเที่ยวบินกลับเที่ยวแรก 07.10 , 12.45 และ 16.30 น. โปรโมชั่นมีให้สอยกันบ่อยๆ ไป-กลับ หลักพันเอง https://www.airasia.com 

จาการ์ต้า – บันดุง อินโดนีเซีย อีกหนึ่งปลายทางที่อยากให้ลองไปสัมผัส ยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ อีกเยอะเลยรอให้เพื่อนๆ ไปสัมผัสด้วยตาตัวเอง

ใส่ความเห็น