ภูสอยดาว เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่แม่ไข่อยากไปมานานมาก ปีนี้ล่ะได้ฤกษ์สักทีเลยฝากเมลลี่ไว้กับคุณพ่อ แล้วชักชวนสหายไปด้วยกันซึ่งก่อนไปไม่ได้ฟิตร่างกายแต่อย่างใด จากที่ปกติออกกำลังกายบ้างแต่ช่วงก่อนไปงานยุ่งแทบไม่มีเวลา แต่เราก็เดินกันชิลล์ ๆ ถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ ก็หายเหนื่อยนะ ยิ่งปลายทางคือลานสนที่มีดอกหงอนนาคกำลังบานสะพรั่งยิ่งคุ้มค่าแก่การเอาตัวเองขึ้นไป
เราไม่ใช่สายแบกเป้เอง ดังนั้นยกหน้าที่ให้ลูกหาบจัดการไปใช้เงินแก้ปัญหา กิโลละ 30 บาท แต่ว่าจะให้ดีการเดินตัวปลิวพกของน้อย ๆ เข้าไว้ก็ช่วยให้หายเหนื่อย โดยเฉพาะการเอาแค่มือถือไปถ่ายรูป ยิ่งเป็นมือถือรุ่นดี ๆ อย่างตัวใหม่ล่าสุดนั่นก็คือ Vivo X50 Pro พกตัวนี้ไปสบายเลย รุ่นนี้ดีอย่างไร
1.สายล่าช้างถ่ายดาว ถ่ายดวงจันทร์ ต้องปลื้มเพราะไม่น่าเชื่อว่ามือถือจะซูมไปถึงดวงจันทร์ได้ด้วย ไฮเปอร์ซูม 60 เท่า
2. กล้องหลักของ X50 Pro 5G มาพร้อมกับระบบกล้อง Gimbal ระบบกันสั่นสุดล้ำรุ่นแรกของโลก
3.กล้องหน้า32MP หนึ่งตัวและกล้องหลังสี่ตัว (กล้องหลัก48MP, กล้องซูเปอร์ไวด์ 8MP, กล้องถ่ายภาพบุคคลระดับมืออาชีพ 13MP, และกล้องเทเลสโคปิค 5 เท่า 8MP)
4.ดีไซน์สวย บางเบา มาพร้อมกับสี Alpha Grey เรียบหรูอีกระดับ
ฯลฯ ยกข้อดีมา 4 ข้อหลักไปซื้อเถอะราคาดีงาม
ข้อน่ารู้ก่อนไปภูสอยดาว
1.ภูสอยดาวระยะทางไปถึงลานสน 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 3-6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความฟิต
2.ทางก็ไปได้เรื่อย ๆ นเริ่มยากตรงเนินส่งญาติ เนินปราบเซียน และยากที่สุดคือเนินมรณะ ค่อนข้างชัน
3.น้ำเป็นสิ่งสำคัญขนไปเถอะจ้างลูกหาบแบกก็ได้เพราะข้างบนมีน้ำในฝนก็จริงที่ฟรีแต่ก็ไม่น่าดื่มเลย ส่วนน้ำกดลิตรละ 20 บาท แพงมากและรสชาติไม่โอเคเท่าไร
4.มีชาบูดอยให้บริการชุดละ 399 บาท ก็อิ่ม 3 คนอยู่นะแต่เราเอามาม่าใส่ไปด้วย
5.อยากกินปิ้งย่างขนไปเองเลยมีเตาและถ่านให้บริการด้านบน รวมทั้งอาหารอื่น ๆ เพราะด้านบนไม่มีอะไรเลย อย่าลืมเตรียมจาน ช้อน ไปด้วย
6.แผ่นรองนอน ถุงนอน หากไม่ลำบากอยากให้เอาไปเอง (จ้างขนเอา) เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ค่อยได้ทำความสะอาด อาจจะด้วยอากาศชื้นทำให้ที่นอนมีกลิ่น นอนแล้วคัน
7.ทุ่งดอกหงอนนาคจะบานเดือน สิงหาคม- กันยายน
8.ควรไปวันธรรมดาเนื่องจากวันหยุดคนเยอะจะทำให้น้ำไม่พออาบ
เราล้อหมุนจากกรุงเทพฯ ตอน 5 ทุ่ม ไปถึงอุทยานประมาณ 7 โมงเช้า นอนพักสักนิดก่อนจะเดินทางรอบ 9 โมง
ระยะทางชั้นแรก ๆ ก็สบาย ๆ ชิลล์ ๆ ผ่านน้ำตก
เดินฟังเพลงไปเรื่อย ๆ ชิลล์ดีนะตอนแรก ฮ่า
ทดสอบโหมด Super macro จากดอกเห็ดเล็ก ๆ ชัดแจ๋วเลย
ทางก็เรื่อย ๆ มีชันไล่ระดับตั้งแต่เนินส่งญาติ เนินปราบเซียน เนินป่าก่อ เนินเสือโคร่ง จนกระทั่งถึง เนินมรณะ เตรียมตัวตายได้เลย 55 ไม่ขนาดนั้น
เนินมรณะค่อนข้างชัน ไม่มีบันไดแบบสวยๆ แล้ว
แต่ยิ่งสูงก็ยิ่งสวย
เราถึงเนินมรณะประมาณบ่าย 2 แต่หมอกก็มาเต็ม
ตรงจุดชมวิวหมอกอลังการมาก
ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง เราเดินกันเรื่อย ๆ รอเพื่อนบ้าง แวะกินขนมไปเรื่อยเปื่อย เห็นหลายคนทำเวลาได้ 3 ชั่วโมงนะ ถึงแล้วลานสน
เมื่อมาถึงลานสนเราก็จะเจอกับทุ่งดอกหงอนนาค เปิดไปที่โหมด Photo กล้องก็เลือกถ่ายดอกไม้ให้อัตโนมัติ
ดอกใหญ่สวยมากกกก
เวลาตอนนั้นเกือบ ๆ บ่าย 3 แดดออก ฟ้าดี
ลอง Portrait บ้าง เลือก Bokeh ได้เลยอยากหน้าชัดหลังเบลอ ละลายแค่ไหน Vivo X50 Pro 5G จัดให้ได้หมด แนะนำที่ F4.0 ไม่เกิน 2.0
ได้เวลากางเต็นท์ เตรียมอาหาร
นี่คือชาบูดอยชุดละ 399 บาท ผักก็เยอะอยู่นะ
ไปเช่าเตาถ่านมาพร้อม
อร่อยน้า น้ำจิ้มเด็ด หรือเพราะเหนื่อย 55
กินอิ่มได้เวลารอดูดาว ต้องบอกว่าคืนนั้นที่เราไปมีช้างเผือกด้วยนะสวยมากกแบบมองด้วยตาเปล่าฟิน ๆ เลย 55 ขำตัวเองมัวแต่ยืนดูแป๊บเดียวช้างหาย ลืมถ่ายมาอวด T_T เลยถ่ายดาวมาแทนนะ
กล้องหลักของ X50 Pro 5G มาพร้อมกับระบบกล้อง Gimbal ระบบกันสั่นสุดล้ำรุ่นแรกของโลก ซึ่งรูปนี้เราใช้โหมด Starry sky เป็นโหมดถ่ายดาวถ่ายท้องฟ้าที่ดีมาก
ใช้มือถือมาทั้งชีวิตยังไม่เคยถ่ายดาวด้วยมือถือได้เลย แต่ Vivo X50 Pro 5G ทำได้นะ
คืนนั้นก็หลับเป็นตาย ตื่นมาอีกที 6 โมงเช้าหมอกหนามากกกกก
ขนาด 10 โมงแล้วก็ยังหนา
เป็นการนั่งทานมื้อเช้าที่ฟินมาก
นี่คือเหตุผลที่อยากไปภูสอยดาว คือการที่เราได้เห็นหมอกหน้าเต็นท์ วิ่งเล่นในทุ่งดอกหงอนนาค กลางคืนล่าช้างถ่ายดาว บอกเลยว่าสักครั้งต้องไปจริง ๆ และอย่าลืมลองเอา Vivo X50 Pro 5G ไปถ่ายด้วยล่ะ J
ค่าใช้จ่าย
ค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท
รถ 30 บาท
ค่าเต็นท์ หลังละ 225 บาท นอนได้ 3 คน
ถุงนอน 120 บาท
แผ่นรองนอน 80 บาท
ผ้าใบ 50 บาท
ถังน้ำ 10 บาท
ขัน 10 บาท
กาต้มน้ำ 30 บาท
ถ่าน 50 บาท
เตาแก๊ส 100 บาท (อย่าลืมเอาแก๊สกระป๋องไปด้วย)
ค่าลูกหาบกิโลกรัมละ 30 บาท
มัดจำขยะ 200 บาท (เก็บขยะลงมาได้คืน)
*ราคาสินค้าดังกล่าวต่อคืนนะจ๊ะ
