เขาคิชฌกูฏ 2563 นมัสการรอยพระพุทธบาท รีวิวทางแบบละเอียด

เปิดแล้ว!! ประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาทบนเขาคิชฌกูฏ จันทบุรี 25 มกราคม – 24 มีนาคม 2563
สำหรับประเพณี นมัสการรอยพระพุทธบาทบนเขาคิชฌกูฏ เป็นประเพณีศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยเคารพนับถือกันมาก ครอบครัวของเรายังไม่มีโอกาสได้ไปสักที ปีนี้ถือฤกษ์งามอย่างดี ด้วยศรัทธาที่แรงกล้าเลยพาเมลลี่ไปด้วยค่ะ

ล้อหมุนออกจากกรุงเทพฯ ประมาณเที่ยงคืนครึ่งไปถึงวัดพลวงสถานที่จอดรถเกือบๆ ตี 4 จอดรถได้ฟรี! เราไปวันแรกที่เปิดเลยก็ทำใจไว้ว่าวันแรกคนต้องเยอะมากๆ แน่นอนพอไปถึงเป็นอย่างที่คิดรถเยอะมาก  แต่ก็เดินไปขึ้นรถกระบะไม่นาน คือแทบไม่ต้องต่อคิวเลย

ค่าบริการขึ้นเขา เที่ยวละ 100 บาท นั่งได้ 10 คน มีค่าเข้าอุทยานอีกคนละ 20 บาท เด็กไม่เสีย

ข้อแนะนำ : 
1.อย่าลืมเตรียมอาหารขึ้นไปด้วยเผื่อหิวระหว่างทางด้านบนไม่มีขาย
2.อย่าลืมใส่แมสหรือผ้าปิดหน้าระหว่างนั่งรถเนื่องจากฝุ่นค่อนข้างเยอะ
3.ไม่ต้องซื้อดอกดาวเรืองขึ้นไปข้างบนไม่ให้โรยแล้ว

การขอพรให้มุ่งมั่นตั้งใจขอเพียงอย่างเดียวเท่านั้น!

ระยะทางจากจุดวัดพลวงถึงลานพระสีวลี 8 กิโลเมตร
ระยะทางเดินจากพระสีวลีถึงรอยพระพุทธบาทประมาณ 1.2 กิโลเมตร
ระยะทางจากรอยพระพุทธบาทถึงผ้าแดง ประมาณ 750 เมตร
รวมระยะทางเดินไป-กลับประมาณ 3.9 กิโลเมตร

ใช้เวลานั่งรถประมาณ 20-30 นาที ตอนนั้นมืดมากมองไม่เห็นทาง แต่รับรู้ได้ว่าชันและหวาดเสียวมาก มาถึงลานพระสีวลีไหว้เอาฤกษ์เอาชัยก่อนขึ้น

พร้อมแล้วเดิน! จำได้แม่นว่าเราก้าวเท้าเดินเวลา 04.56 น. 

ใครเดินไม่ไหวมีเสลี่ยงให้บริการเที่ยวละ 1,000 บาท

สำหรับคนเคยไปครั้งแรกแบบเราไม่ได้คาดหวังว่าทางจะดีมาก แต่พอไปถึงคือดีกว่าที่คิดไว้ มีหลายแบบทำให้รู้สึกตื่นเต้นตลอดทาง

วันแรกที่คิดไว้ว่าคนน่าจะเยอะกว่านี้ แต่นี่ถือว่าชิลล์ๆ เดินกันสบายๆ ไม่ได้เบียดกัน

หมอกเยอะมาก

บางช่วงที่ชันเมลลี่ก็แอบบ่นๆ เราก็ให้ขี่หลังบ้างสลับกันไปเนื่องจากยังเช้าอยู่เด็กรู้สึกไม่อยากตื่น

มีจุดให้นั่งพักเหนื่อยเป็นระยะ บันไดตรงนี้ทำดีมาก

ถึงจุดตีระฆังแม่สบายใจละเพราะเมลลี่ชอบและรู้สึกอยากเดินตีไปเรื่อยๆ

ทางก็จะเป็นแบบรูปด้านบนสลับกันไปเรื่อยๆ ตรงนี้เป็นลานเสือใหญ่

เมลลี่เริ่มตื่นเต้นแล้ว

เมื่อเจอกับประตูสวรรค์แปลว่าใกล้ถึงแล้ว จุดนี้ทางแคบค่อยๆ เดินกันไป

และแล้วเราก็มาถึงรอยพระพุทธบาท ขณะนั้นเป็นเวลา 6 โมงเช้า จริงๆ แล้วหากเดินแบบไม่ต้องหยุดพักนานๆ แบบคนมีลูกอย่างเรา น่าจะใช้เวลาเดินประมาณ 30-40 นาทีก็ถึง

เขาคิชฌกูฏ มีสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขานั่นคือ รอยพระพุทธบาท ที่ประดิษฐานอยู่สูงที่สุดในประเทศไทย สูงกว่า 1,050 เมตร จากระดับน้ำทะเล ถือว่าสูงที่สุดในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ว่ากันว่าใครได้มานมัสการรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาคิชฌกูฏก็เปรียบเหมือนได้เข้าเฝ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งจะได้รับกุศลอันยิ่งใหญ่ ประสบแต่ความสุขความเจริญรุ่งเรือง และเชื่อกันว่าหากได้มาอธิษฐานขอพรแล้วจะสมหวังดั่งใจปรารถนา

โดยการเข้ามานมัสการนั้นแบ่งเป็นรอบๆ ทำให้ไม่เกิดความวุ่นวายและเกิดการแย่งกัน

ในส่วนของการต้องไหว้จุดไหนบ้างนั้นจะมีโฆษกแต่ละรอบคอยประกาศให้ทราบด้วยค่ะ 

7 โมงแล้วก็ยังไม่สว่าง หมอกเต็มไปหมด

หลายคนสงสัยว่าทำไมรูปนี้ถึงดูไม่มีคน เราต้องอาศัยช่วงจังหวะของการเปลี่ยนรอบไปถ่ายอย่างรวดเร็ว

ทั้งทริปมีรูปที่ดูสว่างขึ้นมาหน่อยแค่รูปเดียว

ไปต่อกันยังผ้าแดง

จะเจอกับลานชมวิว แต่ไม่เห็นวิวอะไรเลย T_T

ทางเดินไปยังผ้าแดงค่อนข้างจะเหนื่อยกว่านิดหน่อย

มีทางชันเป็นช่วงๆ

ขึ้นไปจะเจอกับลานพระสารีริกธาตุ ตรงนี้เป็นจุดสูงที่สุดของเขาคิชฌกูฏ 

หลังจากนั้นก็เดินต่อไปอีกสักพักผ่านจุดที่ให้แวะทำบุญไปเรื่อยๆ ก็มาถึงลานผ้าแดงแล้ว

ให้เขียนสิ่งที่อยากขอเพียงข้อเดียวเท่านั้นลงไปในผ้าแดง แล้วเขียนชื่อ ที่อยู่ ลงไปด้วย

ทั้งหมดนี้เป็นอันเสร็จพิธีการทั้งหมดในการนมัสการรอยพระพุทธบาท เราเดินลงมาเกือบๆ 9 โมงแล้ว หมอกก็ยังปกคลุมเต็มไปหมด

จุดโยนเหรียญที่ตอนขึ้นไม่ได้โยนเนื่องจากมืดมาก

มารอขึ้นรถที่ลานพระสีวลี

พอสว่างละก็เห็นภาพทางแล้วยิ่งหวาดเสียว

ชันมาก

อยู่ๆ ก็มาโผล่มุมนี้คือเซอร์ไพรส์มาก ที่นี่ที่ไหน!!

ถือเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่อิ่มบุญ อิ่มใจ ได้ไปนมัสการรอยพระพุทธบาทเสริมสิริมงคลให้กับชีวิต ประเพณีขึ้นเขาคิชฌกูฏ 1 ปี มีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น! ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 25 มกราคม – 24 มีนาคม 2563 เปิดให้ขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง แต่คนส่วนใหญ่มักจะขึ้นตอนเช้ามืดมากกว่า อากาศดี ไม่ร้อน

ใส่ความเห็น