ภาพเขาพระวิหารตั้งแต่ช่วงมัธยมต้นของเราผุดขึ้นมาในความทรงจำ หลังจากที่ตอนนี้ผ่านมานานหลายปีแล้วคนไทยไม่ได้มีโอกาสไปชมความงามบนนั้นอีกเลย มีเพียงจุดชมวิวผามออีแดง ที่เป็นเสมือนจุดที่ทำให้เราได้เมืองมองให้ไปยังปราสาทลิบๆ อยู่บ้าง แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่ทำให้เราอยากกลับไปที่ผามออีแดงอีกครั้ง ครั้งนี้ตั้งใจมากที่จะไปดูทะเลหมอกแห่งอีสานใต้ ที่ไม่อยากเชื่อว่าฤดูฝนที่นี่ก็มีทะเลหมอกด้วยไปดูกันค่ะ
การไปเยือน ผามออีแดง อีกครั้ง ครั้งนี้พิเศษกว่าเดิมเมื่อครอบครัวของเราไปกันพร้อมหน้า จริงๆ ก็ไม่ได้วางแผนอะไรมากค่ะกลับบ้านไปเยี่ยมคุณยายที่สุรินร์ช่วงเข้าพรรษา ด้วยความที่สุรินทร์ก็ไม่มีอะไรเที่ยวเท่าไรนัก นั่งเสิร์ชหาข้อมูลก็รู้ว่าช่วงนี้ ผามออีแดง มีทะเลหมอกด้วย จากที่แพลนจะกลับเร็วก็เลื่อนไปอีกวันเพื่อตั้งใจไปที่นี่โดยเฉพาะ
เราไปนอนบ้านญาติที่ อ.ขุนหาญ ตื่นตี 4 ขับรถไปที่ ผามออีแดง ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ อยู่ใกล้กับทางขึ้นเขาพระวิหาร เราไปถึงตี 4.50 น. จ่ายค่าธรรมเนียมพร้อมกับจอดรถรอค่ะ เจ้าหน้าที่เปิดให้เข้าตอน ตี 5 พอดีเป๊ะ
จอดรถเสร็จเป็นคันแรกที่ไปถึงรีบวิ่งไปดูเลยค่ะ ฟ้าสวยมากกกก และหมอกก็เริ่มมีให้เห็นแล้วเช่นกัน
นานหลายเดือนแล้วที่ไม่ได้เห็นความสวยงามแบบนี้ และที่ตื่นเต้นไปกว่าเพราะว่าที่นี่คืออีสานใต้ ดินแดนที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีความสวยงามของทะเลหมอกปรากฎให้เห็น
เจ้าหน้าที่อุทยานมาตั้งกล้องถ่าย time lapse กันส่วนเราแค่ยืนมองฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนสีแค่นี้ก็มีความสุขมาก
จากจุดแรกเดินขึ้นไปด้านบนจะเจอกับแท่นหินขนาดใหญ่เขียนว่า ผามออีแดง จุดที่ต้องไปถ่ายรูปเลยล่ะ
พระอาทิตย์เริ่มจะโผล่มาทีละนิด เจ้าลิงตัวนี้ก็มานั่งรอเช่นกัน
นั่นไงมีหันมามองกล้องนิดนึง
น่าเสียดายที่พระอาทิตย์ถูกเมฆบดบังความสวยงาม เราเดินลงไปชมภาพแกะสลักนูนต่ำที่ถือว่าเป็น unseen thailand เลยค่ะ
มีบันไดเดินลงไปสวยงามภาพแกะสลักนูนต่ำเป็นภาพคน 3 คน ในเครื่องแต่งกายแบบชาวกัมพูชา สร้างขึ้นก่อนปราสาทเขาพระวิหาร ราวกลางศตวรรษที่ 11 อายุประมาณ 1,500 ปี มีโบราณวัตถุ (พระพุทธรูปนาคปรก) บริเวณจุดสูงสุดของผามออีแดงสามารถมองเห็นทัศนียภาพของปราสาทเขาพระวิหารได้อย่างชัดเจน
จริงๆ หมอกจะมีเยอะกว่านี้อีกนะคะ วันนั้นถือว่ามีแต่ก็ยังน้อย
ซูมเข้าไปเห็นถนนฝั่งกัมพูชาเลย
มองจากสถูปคู่ไปเบื้องหน้าลิบๆ นั้น นั่นคือเขาพระวิหารค่ะ ได้แต่ยืนมองอยู่ไกลๆ
เดินกลับมาที่เดิมมุมนี้ก็สวยนะคะ
ทางเดินไปจุดด้านบนค่อนข้างดี เด็กๆ เดินได้สบายค่ะ
กลับมายังจุดใกล้กับกองอำนวยการนักท่องเที่ยวเริ่มเยอะแล้ว
บริเวณนี้ที่หมอกไหลนั้นเรียกว่า ช่องตาเฒ่า
ดูเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ได้จากป้ายนี้เลยค่ะ
เขาลูกนี้ชื่อว่า เขาสัตโสม อยู่ในเขตประเทศไทย เขาลูกถัดไป ภูไทร ประเทศกัมพูชา
สระหนองไผ่
พ่อลูกนั่งชมหมอก
เรามาที่นี่เมื่อหลายปีก่อนต้นไม้ต้นนี้ก็ยังอยู่เหมือนเดิม บริเวณนี้เป็นหลุมหลบภัยค่ะ
จริงๆ ยังมีเส้นทางเดินเล่นศึกษาธรรมชาติไปตามไปตามทางฝั่งนี้อีกนะคะ หากมีเวลาก็สามารถเดินเล่นได้
แต่ว่าเราต้องกลับกันแล้ว หากเพื่อนๆ มีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดศรีสะเกษ หรือว่าเพื่อนๆ ที่อยู่ในพื้นที่สามารถไปชมความสวยงามของทะเลหมอกที่นี่ได้ ยิ่งฤดูฝนถึงฤดูหนาวสวยงามทีเดียวค่ะ