ญี่ปุ่น…กี่ครั้งก็ยังคงประทับใจ
รอบนี้เราจะพาไปเที่ยวจังหวัดที่ไม่ได้อยู่ในลิสต์อันดับต้นๆ สำหรับคนที่วางแผนจะไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น แต่เมื่อปีที่แล้ว 2560 กลับเป็นสถานที่ที่เหล่าบล็อกเกอร์ต่างพร้อมใจกันไปเที่ยวจังหวัดนี้ Fukushima (ฟูกูชิมะ) คือจังหวัดที่เราอยากจะชวนไปเที่ยวจังหวัดที่ได้สัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่แล้วตกหลุมรักอย่างไม่รู้ตัว จังหวัดที่ไม่ได้คิดอยากจะไปเท่าไรนักแต่กลับมีสเน่ห์และสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันซีนเยอะมาก เอาล่ะเกริ่นมาเยอะแล้วเราจะพาไปดู 10 จุดที่ต้องไปหากได้ไปเยือน Fukushima
แต่ก่อนจะเดินทางทุกครั้งอยากให้ขีดเส้นใต้หนาๆ เลยค่ะว่าเราต้องไม่ลืมที่จะทำประกันการเดินทาง โดยเฉพาะเส้นทางต่างประเทศสำคัญมากๆ เพราะเรามีความเสี่ยงตั้งแต่ ตกเครื่อง กระเป๋าหายหรือชำรุด และอุบัติเหตุที่ไม่อาจคาดเดาได้อีกหลายสิ่ง และเพื่อนๆ ก็ถามกันในเพจมาเยอะว่าแล้วเราจะทำประกันกับเจ้าไหนดี?
เราเลยอยากจะแชร์ให้ฟังค่ะ ครอบครัวเราเลือกประกันการเดินทางของ SOMPO แค่ชื่อก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นของญี่ปุ่น และเป็นอันดับ 1 ในญี่ปุ่นด้วย ตอนนี้ก็มีสำนักงานในไทยแล้วคุยง่ายไม่ต้องกังวล
ข้อดีคือ
– ไม่ต้องสำรองจ่าย หมดกังวลสำหรับคนที่พกเงินไปน้อย กรณีเกิดเหตุเจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุ (สำหรับทุกคนที่เดินทางไปญี่ปุ่น ก็จะได้รับความคุ้มครองแผน GO JAPAN) แค่ติดต่อเข้าเบอร์ +662-205-7775 ได้ 24 ชั่วโมง ก็จะมีเจ้าหน้าที่ช่วยนัดหมายทางรพ.และพูดคุยกับคุณหมอให้ หายห่วงเรื่องภาษาไปเลยค่ะ
– ไม่ต้องพกเอกสารใดๆ สามารถดูข้อมูลกรมธรรม์ได้ทุกที่ ทุกเวลา ครอบคลุมทั้งทริป เริ่มต้นหลักร้อย ความคุ้มครองเบื้องต้น ทั้งกระเป๋าดีเลย์ ไฟล์ทดีเลย์ ความเจ็บป่วย กระเป๋าจะถูกขโมยระหว่างทริป เกิดอุบัติเหตุระหว่างท่องเที่ยว เจ็บป่วยกะทันหัน SOMPO ก็ช่วยได้
– ซื้อง่ายและรวดเร็วแค่ 5 นาทีก็ได้รับกรมธรรม์เข้าอีเมล์แล้ว สามารถซื้อได้ถึงเวลาบอร์ดดิ้งทามส์เลย แค่นี้ก็สบายใจตลอดการเดินแล้ว
สำหรับแฟนเพจเที่ยวแบบกรู TEAWBEBGRU ก็ลดทันที 10% ถึง 31 ธ.ค. สิ้นปี 61 ด้วย ในการซื้อประกันเดินทาง SOMPO https://traveljoy.sompo.co.th/home
ย้ำตรงนี้เลยค่ะโดยเฉพาะจะไปประเทศญี่ปุ่นก็ต้องให้บริษัทประกันภัยอันหนึ่งในญี่ปุ่นดูแล แล้วจะอุ่นใจ
เอาล่ะประกันการเดินทางพร้อมแล้ว ไปเที่ยว Fukushima กัน!
ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเมือง Fukushima
จังหวัดฟูกูชิมะ ตั้งอยู่ในภูมิภาคโทโฮบุบนเกาะฮอนชู มีเมืองหลักคือที่เมืองฟูกูชิมะ เป็นจังหวัดที่ใหญ่อันดับ 3 ของญี่ปุ่น ครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกมากกว่า 150 กิโลเมตร
การเดินทางไป Fukushima
เราสามารถเดินทางโดยสายการบินไปลง Narita Airport หรือ Haneda Airport โดยมีวิธีการเดินออกเป็น
- การเดินทางจากNarita Airportให้ขึ้น รถไฟด่วน ของขบวน JR เมื่อถึงสถานี Tokyo จะต้องทำการเปลี่ยนขบวนมาขึ้น รถไฟ Shinkansen Yamabiko ซึ่งสามารถลงที่สถานี Fukushima ได้เลย สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ตกอยู่ที่ประมาณ 11,840 เยน
- การเดินทางจากHaneda Airportเราจะต้องนั่งรถบัสไปลง Yokohama เพื่อเปลี่ยนไปขึ้น รถไฟ JR ขบวนธรรมดา สาย JR Tokaido Line เพื่อมุ่งสู่ Tokyo เมื่อถึง Tokyo ให้เราเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟ Shinkansen Yamabiko เพื่อมุ่งหน้าสู่สถานี Fukushima สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ตกอยู่ที่ประมาณ 9,980 เยน
- การเดินทางจาก Tokyo Station ไป Fukushima Station เราจะต้องไปขึ้นรถไฟShinkansenที่ Tokyo Station โดยสามารถนั่งรถไฟ Shinkansen ได้ 3 สาย คือ
- Yamagata Shinkansen ค่าใช้จ่ายประมาน 8,750 เยน
- Tohoku Shinkansen ค่าใช้จ่ายประมาน 8,750 เยน
- Hokuriku-Shinkansen และต่อด้วย Tohoku Shinkansen ค่าใช้จ่ายประมาน 10,700 เยน
การไปเที่ยวจังหวัด Fukushima หากอยากจะเที่ยวให้ทั่วนั้นต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์เลยค่ะ ทริปนี้เราใช้เวลา 7 วันแต่ก็ยังได้สถานที่ท่องเที่ยวไม่กี่ที่ ดังนั้นจึงขอหยิบสถานที่ประทับใจและคัดมาแล้วควรไปมาให้เป็นตัวเลือกสำหรับใครที่กำลังวางแผนไปจังหวัดนี้ ไปดูกัน
หมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณโออูจิ จูคุ (Ouchijuku)
หมู่บ้านโบราณในยุคเอโดะ ที่อดีตเคยเป็นเมืองสำคัญเมื่อหลายร้อยปีก่อน เป็นบ้านชาวนาญี่ปุ่นโบราณที่มุงหลังคาทรงหญ้าคาหนาๆ เรียงรายกันสองฝั่งกินระยะทางประมาณ 500 เมตร โดยรวมมีบ้านโบราณประมาณ 40 – 50 หลัง ถนนเส้นนี้เคยเป็นเส้นทางหลักในการคมนาคมและการค้า เชื่อมต่อระหว่างอาณาจักรไอสึ (Aizu city ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัด Fukushima และจังหวัด Niigata) และเมืองอิไมชิ (Imaichi จังหวัด Tochigi)
เมื่อ พ.ศ.2524 หมู่บ้านโออุจิจูคุได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ ซึ่งในปัจจุบันหมู่บ้านโบราณหลายหลังในโออุจิ จูคุได้รับการบูรณะใหม่ จนกลายเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านค้าขายสินค้าพื้นเมือง ร้านอาหารและที่พักแบบญี่ปุ่นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
ซึ่งในหมู่บ้านมีของกินแปลกๆ หลายอย่างเลยค่ะ แต่ราคาก็แอบสูงเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวในบ้านเรา
การเดินทาง :
โดยรถไฟ จาก Tokyo ไปสถานีปลายทาง Yunokami Onsen ประมาณ 4 ชม. 40 นาทีเริ่มจากสถานี Ueno นั่ง Shinkansen Tohoku ไปลงสถานี Koriyama
จากสถานี Koriyama นั่งรถไฟสาย JR Ban-etsu-Saisen ไปสถานี Aizu-wakamatsu จากสถานี Aizu-wakamatsu นั่งรถไฟสาย Aizu ไปสถานีปลายทาง Yunokami Onsen แล้วนั่งรถแท็กซี่ประมาณ 15 นาที หรือเดินประมาณ 25 นาทีไปยังหมู่บ้านโออุจิ จูกุ
ค่าใช้จ่าย : ไม่มี
พิกัด : https://goo.gl/maps/Buwqn7FgNT22
ปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle)
ปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle) หรือคนไทยเรียกว่า ปราสาทนกกระเรียน สัญลักษณ์ของจังหวัดฟุคุชิมะ ที่เมืองไอสุวะคะมัทสึ สร้างขึ้นในปี 1384 มีการเปลี่ยนผู้ปกครองมาหลายครั้งในช่วงที่ยังเป็นภูมิภาคอาอิซุ และถูกทำลายลงหลังจากเกิดสงครามโบชิน(Boshin war) ปี 1868 ซึ่งเกิดการจลาจลต่อต้านรัฐบาลสมัยเมจิ ทำให้สิ้นสุดยุคศักดินายึดอำนาจท่านโทคุกาว่าโชกุน ต่อมาปราสาทได้ถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ด้วยคอนกรีตในปี 1960 เสร็จสมบูรณ์ในปี 2011 หลังคาเดิมซึ่งเป็นสีเทากลับกลายเป็นสีแดง เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกับปราสาทแห่งอื่นในญี่ปุ่น
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมภายในปราสาทและขึ้นไปยังชั้นบนสุดเพื่อชมวิวของเมืองเบื้องล่าง และชมพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของปราสาท และวิถีชีวิตของเหล่าซามูไรในยุคก่อน
ปราสาทสึรุกะ ล้อมรอบด้วยสวนสาธารณะสึรุกะ (Tsuruga Castle Park) ในช่วงฤดูใบไม้ผลิประมาณกลางเดือนเมษายนนับเป็นจุดชมดอกซากุระที่นิยม กำแพงคูเมืองก็ทำให้บรรยากาศสวยงาม
การเดินทาง :
จาก Aizu-Wakamatsu Station นั่งรถบัส Aizu Loop Bus ไปลงที่ Tsurugajo Kitaguchi bus stop แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที
ค่าใช้จ่าย : ผู้ใหญ่ 410 เยน เด็ก 150 เยน
เวลาเปิด – ปิด : 08.30 – 17.00 น.
ทะเลสาบโกชิคินุมะ (Urabandai Goshikinuma Ponds)
ทะเลสาบโกชิคินุมะ (Urabandai Goshikinuma Ponds) หรือบึง 5 สี เป็นภาพที่ทำให้เราอยากไปเยือน Fukushima มากที่สุดก็ว่าได้ ทะเลสาบแห่งนี้มีบึงรวมกันอยู่ 9 บึง โดยแต่ละบึงจะมีสีน้ำไม่เหมือนกัน ตั้งแต่สีน้ำตาลไปจนถึงสีฟ้าเข้ม ซึ่งสีของน้ำก็จะเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ ช่วงเวลา และปัจจัยอื่นๆ
ภายในทะเลสาบมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกน่ารักๆ มากมายเลยค่ะ
การเดินทาง :
สามารถเดินทางด้วยรถโดยสาร Bandai Higashi Miyako Bus จากสถานี Inawashiro (JR Ban-etsu Saisen Line / Ban-etsu West Line) ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ถึง Goshikinuma ที่ป้าย Goshikinuma-Iriguchi-eki
ค่าใช้จ่าย : ไม่มี
จุดชมวิวรถไฟสานทาดามิ (Tadami Line)
แค่สะพานที่มีรถไฟผ่านจำเป็นต้องสวยอะไรเบอร์นี้?
จุดชมวิวรถไฟสายทาดามิ (Tadami Line)
สะพานไดอิจิเคียวเรียว (Daiichi Kyouryou) จริงๆ ที่นี่ไม่ได้อะไรเลยนะ แต่ต้องไปเพราะวิวมันสวยแต่ต่างกันไปในแต่ละฤดู นึกภาพตามหากเป็นหิมะปกคลุมทั้งภูเขาก็สวยไปอีกแบบ หากเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็สวยแบบนี้เลยค่ะ
จุดนี้จะต้องเดินเท้าขึ้นไปนิดหน่อยแต่ไม่ยากเลยค่ะ เห็นคุณลุงคุณป้าวัย 60 ชาวญี่ปุ่นเดินกันสบายๆ เลย แต่ถ้าฝนตกก็จะลื่นนิดหน่อยหากใครไม่อยากพลาด (แบบเรา) ให้เช็คตารางรถไฟก่อนไปนะคะ ดังนี้
:: Aizu-nishikata Station –> Aizu-hinohara Station
06.01 – 06.05 / 07.37 – 07.41 / 09.15 – 09.19 /13.03 – 13.07 / 15.57 – 16.01 / 19.39 – 19.43
——————————————————————
::Aizu-hinohara Station –> Aizu-nishikata Station
07.21 – 07.25 / 09.03 – 09.07 / 14.21 – 14.25 / 18.12 – 18.16 /20.57 – 21.01 / 20.57 – 21.01 / 22.56 – 22.59
รถไฟจะวิ่งผ่านสองสถานีนี้ใช้เวลาประมาณ 4 นาที
การเดินทาง : จากสถานี Tokyo :
1.นั่งสายJR Tohoku ลงสถานี Koriyama (1.20 ชม.)
2.จากสถานี Koriyama ต่อสาย JR Ban etsu west line ลงสถานี Aizu wakamatsu (1.15 ชม.)
3.จากสถานี Aizu Wakamatsu (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที) ต่อรถไฟสาย JR Tadami Line มาลงที่สถานี Aizu Miyashita (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที) จุดนี้สามารถเดินทางไปได้โดยขับรถส่วนตัว หรือมีรถบัสบริการในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ราคา 500 เยน
พิกัด : https://goo.gl/maps/z5F1LYgbs2z
โทโนะ เฮทสึริ (To-no-Hetsuri)
จุดชมวิวธรรมชาติที่สวยงามอีกแห่งในจังหวัด Fukushima จุดเด่นคือสะพานที่สามารถเดินข้ามไปมาได้ เราสามารถเดินข้ามสะพานไปชม อนุสาวรีย์แห่งธรรมชาติ “โทโนะ เฮทสึริ” หน้าผาหินที่ถูกธรรมชาติกัดเซาะในช่วงระยะเวลากว่าหนึ่งล้านปีที่ผ่านมา จนมีรูปทรงแปลกประหลาดคล้ายกับหอคอย เมื่อมองลงมาจากหอคอยหน้าผานี้ก็จะเห็นวิวของแม่น้ำโอกาวะ
คำว่า “เฮทสึริ (Hetsuri)” แปลว่า “ หน้าผาที่สามารถมองเห็นแม่น้ำ หรือ หน้าผาสูงชัน” ตามภาษาท้องถิ่นนั่นเอง ที่แห่งนี้เป็นจุดชมวิวทางธรรมชาติที่งดงามไม่ว่าจะอยู่ในฤดูกาลไหน สีสันที่เปลี่ยนไปทั้ง 4 ฤดูก็สร้างความอัศจรรย์ใจทุกครั้ง เป็นผลงานศิลปะจากธรรมชาติอย่างแท้จริง ทั้งยังง่ายต่อการท่องเที่ยวเพราะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟเพียงเดินแค่ 3 นาทีเท่านั้น และถ้าใครกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆที่อยู่ใกล้กับหมู่บ้านโบราณโออุจิจุคุ (Ouchijuku) อยู่ล่ะก็ อย่าลืมเพิ่มที่นี่เข้าไปในโปรแกรมของเพื่อนๆ ด้วยล่ะ
การเดินทาง :
นั่งรถไฟสาย โทบุ จากสถานีอาซาคุสะ ลงที่สถานีไอสุโคเก็น โอะเซะกุจิ เปลี่ยนเส้นทางไปใช้รถไฟสาย ไอสุ เททสึโด ลงที่สถานี โทโนะ เฮทสึริ เดินจากสถานีรถไฟ โทโนะ เฮทสึริ ประมาณ 3 นาที
ค่าใช้จ่าย : ไม่มี
Ski Resort
ใครจะรู้ว่าจังหวัด Fukushima จะมีสกีให้เล่นด้วยต้องบอกว่าที่นี่ไม่ได้อยู่ในแพลนของเราสำหรับทริปนี้แต่เรากลับชอบที่สุดในทริปนี้เลยก็ว่าได้ อย่างแรกคือเราเจอหิมะตกในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี OMG! มากเซอร์ไพรส์สุด ดังนั้นการที่จะนั่งกระเช้าสวยๆ มีหิมะโปรยปรายแต่นั้นเหมือนฝัน ซึ่งจากที่หาข้อมูลมานั้น Ski Resort มีหลายแห่งเราขอระบุพิกัดคือ Gran Deco Ski Resort ไปเลยละกันเพราะที่นี่ใหญ่โต มีครบทั้งที่พัก ลานสกี นั่งกระเช้า
ด้านบนมีร้านอาหาร จุดชมวิว นั่งอุ่นๆ ทานพิซซ่าอร่อยๆ ซึ่งถือเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่เลยค่ะ
Gran deco ski resort
อัตราค่าบริการ : 1,620 เยน สำหรับนั่งกระเช้า ไป-กลับ
พิกัด : https://goo.gl/maps/KUzYEQzMzBU2
website : http://www.grandeco.com/english/
วัดเอ็นโซจิ (ENZOJI TEMPLE)
หนึ่งในสามของวัดที่ใหญ่ที่สุดในเมือง Aizu สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับ Koku-zoson ในญี่ปุ่น ประมาณ 1,300 ปีที่ผ่านมา ในปี ค.ศ.807 วัด Fukuman Kokuzo Enzoji ถูกสร้างขึ้นโดย Tokuichi Daishi ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงจาก Aizu ห้องโถงใหญ่ของวัดถูกยกสูงขึ้นเหนือหน้าผาขนาดใหญ่ จากที่นี่เราสามารถมองเห็นแม่น้ำ Tadami ที่งดงามผ่านเมือง นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นมุมมองที่หลากหลายในแต่ละฤดูกาล มีดอกซากุระบานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ หมอกเหนือแม่น้ำในช่วงฤดูร้อน ต้นเมเปิ้ลสีแดงในฤดูใบไม้ร่วงและหิมะในช่วงฤดูหนาว
วัดนี้มีสัญลักษณ์เป็นรูปปั้นวัวแดงโดดเด่น และยังมีน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่นักท่องเที่ยวสามารถตักล้างมือ ล้างหน้า เพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิต
การเดินทาง :
ทางรถส่วนตัว : ประมาณ 10 นาที จาก Aizubange exit on the Ban etsu Expressway (via Route 252)
ทางรถไฟ : 10 นาที เดินจากสถานี Aizu-Yanaizu on the JR Tadami Line
ค่าใช้จ่าย : ไม่มี
ปราสาทริกะจัง
ริกะจัง หรือ ริกะ คายามะ ตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่ถ้าหากเอ่ยปากถามคนญี่ปุ่นแล้ว ไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอน หรือที่บ้านเราเรียกกันว่าตุ๊กตาบาร์บี้ แต่เป็นเวอร์ชั่นญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งออกวางขายในปี ค.ศ.1967 จนกลายเป็นที่นิยมของเด็กๆชาวญี่ปุ่นจนถึงปัจจุบัน ที่สำคัญปราสาทริกะจังแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงงานที่ผลิตพวกเธออีกด้วย ซึ่งที่นี่ตั้งอยู่ที่เมืองโอโนะ จังหวัดฟุกุชิมะ
ภายในปราสาท สามารถทัวร์โรงงานตุ๊กตา ชมขั้นตอนการผลิตตุ๊กตาริกะจัง และยังได้เห็นตุ๊กตาริกะจังตั้งรุ่นแรกยันรุ่นปัจจุบัน รวมถึงประวัติเกี่ยวกับครอบครับคายามะ วิวัฒนาการต่างๆ และสำหรับบ้านไหนมีเด็กรับรองว่าจะต้องชอบที่นี่แน่นอนค่ะ
เวลาเปิด -ปิด : ตั้งแต่เวลา 10.00 – 16.00 น.
ค่าใช้จ่าย : ผู้ใหญ่ราคา 700 เยน เด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป 500 เยน ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี เข้าฟรี
Morohashi Museum of Modern Art
อาคารโดดเด่นสไตล์ยุโรปมีฉากหลังเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อนอันสวยงาม เป็นภาพที่เราจินตนาการว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงอลิซแห่งฮรีซอส (ลิขิตรัก) ยืนสง่าสวยงามท่ามกลางอากาศเย็นๆ
พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้เป็นของคุณเทโซ โมโรฮาชิ นักธุรกิจและนักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่หลงใหลในงานศิลปะของ Salvador Dali (ศิลปินชาวสเปนชื่อก้องโลกจากยุค Surrealism) ด้วยความที่เขาเป็นนักสะสมผลงานทางศิลปะไม่ว่าจะเป็นรูปวาด งานปั้น งานแกะสลัก เป็นเวลากว่า 30 ปี และต้องการจะแบ่งปันงานอาร์ทกว่า 400 ชิ้นพวกนี้ให้กับคนอื่นๆ ได้ชื่นชมไปพร้อมกัน ที่นี่จึงถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1997 และเปิดให้บริการในปีค.ศ. 1999
โดยโครงสร้างของอาคารหลังนี้ ภายในเป็นห้องโถง ทำจากไม้และหินคริสตัล มีความสูงของเพดาน 9 เมตร ซึ่งเป็นการทำให้แสงจากภายนอกส่องเข้าไปภายในได้ และจากหน้าต่างของพิพิธภัณฑ์ เพื่อนๆ ยังสามารถมองเห็นภูเขาบันไดอาซูมะ ที่สวยงามในแต่ละฤดูกาลได้ด้วย ซึ่งรับรองเลยว่าเพื่อนๆ จะได้เพลิดเพลิดไปกับทัศนียภาพของธรรมชาติ ราวกับว่ากำลังแข่งกันอวดความสวยงามแก่ผู้เข้าชมอยู่เลยค่ะ น่าเสียดายที่พิพิธภัณฑ์งดถ่ายภาพ
การเดินทาง :
จากสถานี Tokyo นั่งรถไฟ Tohoku Shinkansen ไปสถานี Koriyama และต่อด้วยรถไฟ JR Ban’etsu Line ลงสถานี Inawashiro และต่อด้วย Bandai Tozo bus ลงที่ Morohashi Museum of Modern Art
ค่าใช้จ่าย : คนละ 950 เยน
สวนผลไม้
จังหวัด Fukushima เป็นจังหวัดที่มีสวนผลไม้เยอะมาก เราขอพูดรวมๆ ไม่เจาะจงว่าเป็นที่ไหนนะคะ แต่จะให้ข้อมูลว่าในแต่ละเดือนมีผลไม้อะไรบ้าง
– เชอรี่ : เดือนมิถุนายน ถึง กลาเดือนกรกฎาคม
– ลูกพีช : กลางเดือนกรกฎาคม ถึง กลางเดือนกันยายน
– องุ่น : เดือนกันยายน ถึง กลางเดือนตุลาคม
– ลูกแพร : ปลายเดือนสิงหาคม ถึง กลางเดือนตุลาคม
– แอปเปิ้ล ลูกพลับ : ปลายเดือนสิงหาคม ถึง ต้นธันวาคม
อย่างสวนนี้ไม่มีชื่อนะเราขับรถผ่านเลยแวะเข้าไปเจอคุณลุงใจดีกำลังเก็บลูกพลับอยู่ค่ะ
และกรี๊ดมากกคือการได้เห็นลูกแอปเปิ้ลจากต้นครั้งแรก ลูกใหญ่มาก
สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจสวนผลไม้สามารถเลือกได้ว่าจะไปสวนไหนจากรีวิวนี้เลยค่ะละเอียดมาก http://www.welovefukushima.com/10-fruit-line/