England x Scotland พาลูกเที่ยว 11 วัน งบคนละ 50,000 บาท

แจกแพลนเที่ยวทริปเดียวพาลูกเที่ยว อังกฤษ – สก็อตแลนด์ ฉบับวางแผนเอง ทำวีซ่าเอง จองทุกอย่างเอง และเที่ยวกันเอง 2 คน แม่ลูก! 

การทำวีซ่าอังกฤษ (แยกกับเชงเก้น) ในส่วนของสก็อตแลนด์ไม่ต้องขอวีซ่าเพราะอยู่ในเครือเดียวกับอังกฤษใช้วีซ่าเดียวกัน ค่าทำวีซ่าคนละ 4,362 บาท 6 เดือน รายละเอียดการยื่นวีซ่า เว็บไซต์นี้เลยค่ะละทำเองได้ไม่ยาก ยื่นวีซ่าอังกฤษด้วยตัวเอง  
สำหรับแม่ไข่ที่เคยผ่านการขอวีซ่ามาหลายประเทศก็คิดว่าไม่ได้ยาก ไม่ได้ง่าย จริงๆ ถ้าเอกสารเราพร้อม เราแน่น ยังไงก็คิดว่าผ่านค่ะ จะช้าจะเร็วก็ขึ้นอยู่กับดวงนิดหน่อย แม่ไข่รอ 50 วันถ้วนนับตั้งแต่วันทำ bio ยื่นแบบธรรมดานะคะ เพราะสู้ราคาแบบด่วนไม่ไหว ส่วนของเพื่อน 20 วันก็ได้ 

ทริปในฝันยุโรปครั้งแรกของเราสองคนแม่ลูก ทริปนี้เหมือนอาถรรพ์ค่ะจะเล่าเรื่องขำๆ ให้ฟัง ตอนแรกสุดเลยเราวางแผนจะเที่ยวกันเป็นแก๊งเพื่อนสุดท้ายแก๊งสลาย เลยไปชวนเพื่อนหลายคนมากกว่าจะสรุปลงตัวที่เพื่อนสาวนางหนึ่ง ระหว่างที่เพื่อนยื่นขอวีซ่าแม่ไข่ก็ส่องตั๋วไปเรื่อยๆ ราคาก็ยังพอได้ไม่แรง จนกระทั่งวันที่เพื่อนบอกว่าวีซ่าผ่านแล้วนะ! วันนั้นก็จองตั๋วเลยค่ะ ก่อนเดือนทางแค่ 1 เดือนเท่านั้น

ซึ่งขอบอกว่าตั๋วราคาวันที่เราอยากจะไปนั้นพุ่งสูงขึ้นมากๆ จนทำให้เราต้องเลื่อนหาตั๋วในราคาที่เราไหว จนไปเจอกับ
Traveloka Travel & Lifestyle Super App  https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/London.LONA
บอกเลยว่าจองผ่านแอปนี้ดีจริงๆ ได้ราคาดีงาม แค่ไข่เคยกดเจอถูกที่สุดคือ ไป-กลับ 12,000-14,000 แต่จ่ายเงินไม่ทัน ตอนนั้นมัวแต่กรี๊ดๆ กับเพื่อน เลยช้าา 


แนะนำสายการบินราคาดีแต่ต้องไปต่อเครื่อง ได้แก่ Finnair , Oman Air ,  Qatar Airways และ SriLankan Airlines ซึ่งเราจองสายการบิน Finnair  และแล้วเราก็จองได้ในราคา 52,391 เป็นราคา ไป-กลับ สำหรับ 3 คน นะคะ ดีงามมากกกทุกคน หารแล้วตกคนละ 17,463  บาท ราคานี้รวมอาหารบนเครื่อง แต่ไม่รวมน้ำหนักกระเป๋า บอกเลยว่า ณ วันที่จองเรากดทุกเว็บไซต์ทุกสายการบิน ซึ่งจองล่วงหน้าเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น (ยิ่งจองล่วงหน้านานยิ่งราคาถูก) แต่จองกับ Traveloka คือได้ราคาถูกสุด อวยยศให้รัวๆ เลยค่ะ
ขาไปเราพักเปลี่ยนเครื่อง 8 ชั่วโมง ขากลับ 4 ชั่วโมง เราไม่รู้สึกว่าช้าอะไรเลยค่ะ สบายๆ มาก
เช็คมาตรการสนามบินก่อนเดินทางไปอังกฤษ กับ Traveloka Travel & Lifestyle Super App ได้ที่นี่ (https://www.traveloka.com/th-th/flight/safe-travel)

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเมื่อไปเที่ยวอังกฤษ-สก็อตแลนด์ ช่วงซัมเมอร์
– เวลาที่อังกฤษช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง
– อุณหภูมิตอนกลางวันสบาย ๆ 17-24 องศา
– ที่สก็อตแลนด์จะหนาวกว่าเล็กน้อย
– มืดช้าประมาณเกือบ 4 ทุ่ม สว่างเร็วประมาณ ตี 5
– เวลาเที่ยวเยอะกว่าฤดูอื่นๆ
– ใส่เสื้อผ้าสบายๆ ได้เลยทำให้ประหยัดน้ำหนักกระเป๋า
– ไม่ต้องแลกเงินไปเพราะทุกที่สามารถใช้บัตรได้หมด
– ฤดูที่ดอกไม้สวยโดยเฉพาะสวนกุหลาบสะพรั่งไปหมดทุกพาร์ค

___________________________

ตั๋วพร้อม! ที่พักเรียบร้อย เสื้อผ้าเป๊ะปังพร้อมสุด ลั้ลลารอวันเดินทางนับถอยหลังเลยค่ะ แต่ๆ เรื่องก็มาพีคอีกแล้ววว 

เรื่องช็อก! ของเรา 2 คน แม่ลูก
เมื่อจู่ๆ ก็ต้องผจญภัยในยุโรปกัน 2 คน!!
ทริปออกนอกประเทศในรอบ 2 ปี 2 เดือน

เหตุการณ์ขณะกำลังเช็คอินพร้อมโหลดกระเป๋าเต็มที่ แต่ก็งงๆ ว่าทำของเราเจ้าหน้าที่เค้าใช้เวลาดูนานจังเลยนะ 

เจ้าหน้าที่ : พาสปอร์ตคุณแม่กับน้อง (จริงๆ เค้าเรียกชื่อจริง) เดินทางได้แต่ของคุณ…(ชื่อเพื่อน) ยังเดินทางไม่ได้นะคะ เนื่องจากในวีซ่าระบุวันเดินทาง 23 มิ.ย. ตึง!

ช็อกค่ะ!! ช็อกในช็อก ช็อกแบบอยากจะกรีดร้องงงง

เจ้าหน้าที่ : เอายังไงคะ จะเดินทาง 2 คนมั้ย หรือจะคิดก่อนคะ เคาน์เตอร์ปิด 20.30 น. นะคะ

อิชั้นปล่อยโฮกอดเพื่อนเลยค่ะ

“ไม่มีแกรรชั้นกะลูกไปกัน 2 คนได้ยังไง”

ส่วนเมลลี่ก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เดินออกมาจากเคาน์เตอร์ตั้งสติ ในใจก็โทษตัวเองนะว่าเราพลาดเรื่องง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง คิดว่าจะทิ้งตั๋วและทุกอย่างที่จอง  หันไปมองหน้าลูก คือลูกอยากไปมาก เราเองก็หมดไปเยอะแล้ว

“แกรทำได้ แกไปกะลูกได้” เพื่อนสนิทในสายให้กำลังใจ
“ขนาดมิ้น I rome alone ยังไปคนเดียวทั่วโลกเลย” เราคิด
“แม่มีหนู หนูพูดภาษาอังกฤษเก่งนะไม่ต้องกลัว” เสียงเมลลี่

วินาทีสุดท้ายตัดสินใจไปว่ะ!

เคานต์เตอร์คือมีเราสุดท้ายแล้ว แต่เอ๊ะ! ทำไมพนักงานมองวีซ่าเรานานจังไม่ปล่อยสักที

ดันมาซวยต่ออีกตรงที่สถานฑูตพิมพ์เลขพาสปอร์ตเราเกินไป 1 เลข! บ้าเอ๊ยยยย จะซวยซ้ำซวยซ้อนไรนักหนา เจ้าหน้าที่ก็ช่วยสุดฤทธิ์พิมพ์แจ้งใครสักคนนั่นแหละดูเหมือนไม่นานแต่ตอนนั้นสักเสี้ยววินาทีก็แทบขาดใจ เพราะมันจะตกเครื่องแล้วววว

เจ้าหน้าที่ : อีกแป๊บพี่จะปล่อยแล้วนะ

ตึก ตึก ตึก หัวใจแม่เต้นแรงมาก

เจ้าหน้าที่ : เรียบร้อยค่ะ คราวต่อไปได้วีซ่ามาต้องดูตัวเลขทุกตัว ต้องละเอียดนะคะ…ไปค่ะ! คุณแม่พาน้องวิ่งเลย

2 แม่ลูกก็โกยสิคะ กว่าจะผ่าน ต.ม. กว่าจะถึงเกตไกลมากสงสารลูกสุด หิวก็หิว เหนื่อยก็เหนื่อย

เมลลี่ : แม่ไม่ต้องห่วงหนูโอเค แต่ขอใช้มือถือถ่ายรูปให้แม่ได้มั้ย กล้องแม่มันหนัก

โอ๊ยยเอ็นดูลู้กกก เด็กอะไรใจสู้กว่าแม่อีก

เรื่องที่อยากเล่าและบันทึกไว้ในรีวิวนี้อยากเป็นอุทาหรณ์ให้เพื่อนๆทุกคน
1.อย่าลืมดูวีซ่าก่อนจองตั๋วเพราะของเพื่อนเราตอนทำแพลนยื่นวีซ่าเขียนลงไปว่าจะเดินทาง 23 มิ.ย. อย่าไปมโนแบบเราว่าได้วีซ่าวันไหนคือเดินทางได้เลย
2.หากสะดวกให้เลือกแบบไปรับวีซ่าด้วยตนเอง แล้วเปิดดูตรงนั้นเลยว่าเลขพาสปอร์ตถูกต้องหรือไม่ โดยเฉพาะคนที่มีลูกแบบเราวีซ่าจะระบุไว้เลยว่าเด็กคนนี้สามารถเดินทางพร้อมผู้ปกครองชื่อนี้เท่านั้น เมื่อตรวจพบความผิดพลาดจะได้แก้เอกสารได้ทันที

Plan Trip  England x Scotland

Day 1
21.30 Suvarnabhumi International Airport

Day 2
05.50 Helsinki Vantaa
14.05 Helsinki Vantaa – London
15.10 Heathrow Ariport
16.30 St Athans Hotel

Day 3
Buckingham Palace / Big Ben / London Eyes /Tower of London /  London Bridge  / Piccadilly Circle

Day 4
Portobello road market / Science Museum /  History Museum
London Victoria Coach Station (นอนบนรถบัสไปสก็อตแลนด์)

Day 5 
Royal Mile – Edinburgh Old Town / National Museum of Scotland
Calton Hill* (Sunset)

Day 6
Day Trip , Hightland , Sky , Lockness

Day 7
Edinburgh castle  / National Gallerise of Scotland
Edinburgh – London (นอนบนรถบัส)

Day 8
Shopping at Oxford street

Day 9
British Museum / Harrods / China Town

Day 10
Day trip Cotswold  & Bicester Village

Day 11
16.10 Heathrow Airport
21.00 Helsinki Vantaa
00:45 Helsinki Vantaa – BKK
16:25 Suvarnabhumi International Airport

การเดินทางกรุงเทพฯ –  ลอนดอน หากบินตรงจะใช้เวลา 12 ชั่วโมง แต่ของเราต่อเครื่องก็จะ 18 ชั่วโมงค่ะ

โอเค! อรรถรสพอแล้ว ออกเดินทางกันเถอะ! 

Day 1

รีวิวสายการบิน Finnair สักหน่อย เป็นครั้งแรกที่เราได้นั่งสายการบินนี้ด้วยค่ะ  เนื่องจากตอนขึ้นเครื่องก็ดึกแล้ว และจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเลยไม่ได้ถ่ายรูปที่นั่งมาให้ มีเพียงรูปคู่ที่พี่สาวที่นั่งข้างๆ เห็นเราเดินทางกันสองคนเลยบอกว่าจะถ่ายให้ ซึ่งขอบอกว่าที่นั่งดีเลยนะ เบาะสบาย ปรับได้กำลังดี เสียนิดเดียวไม่มีที่พักขาทำให้เมื่อยนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้หนักหนามากมายสำหรับเรา หน้าจอเพลิดเพลินกับความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นหนัง เกม เยอะดีค่ะ ทำให้ลูกสนุกสนานไม่เบื่อกับการเดินทางไกลๆ เลยค่ะ
อาหารบนเครื่องโดยที่เราจะได้รับ 2 มื้อ ของการเดินทาง เครื่องดื่มก็บริการฟรี โดยรวมคือประทับใจสายการบินและจะกลับไปใช้บริการอีกแน่นอน

ซึ่งการจะไปลอนดอน เราต้องบินไปต่อเครื่องที่สนามบินเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยที่เราไม่ต้องทำวีซ่าเพื่อเข้าประเทศนี้แต่อย่างใด เพราะไฟลท์นี้เป็นแบบ Fly-Thru กระเป๋าจะถูกนำไปส่งถึงปลายทางลอนดอนเลยค่ะ ยกให้เป็นสนามบินในดวงใจตอนนี้เลยค่ะ เป็นสนามบินเล็กๆ เงียบสงบ เราแทบไม่ได้ยินเสียงคนคุยกันเลยนะ  wifi ก็แรง คือให้ต่อเครื่อง 24 ชั่วโมงก็ไม่เบื่อนะเอาจริงๆ อ้อ ข้อเสียนิดหน่อยคือมีร้านอาหารแค่ 2 ที่แต่เราไม่เรียสเพราะมีร้านที่มีมาม่าคัพจากไทยขายด้วยรอด 55 ส่วนราคานั้นถ้วยละ 140 บาทจ้าาาาแล้วคือมีมุมให้นอนแบบยาวๆ ได้ด้วยแต่เราไม่ได้ถ่ายเพราะตอนนั้นนักท่องเที่ยวนอนกันเต็มเลย พักเล่นมือถือ ดูหนังวนไปจนได้เวลาต่อเครื่องจากสนามบินเฮลซิงกิไปลอนดอน ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงก็ถึง 

Day 2 

และแล้วก็ถึง L o n d o n n  n n n  อยากจะตะโกนให้สุดเสียงว่าเรา 2 คนสองแม่ลูกรอดแล้วววววว มันก็จะลุ้นตอนผ่าน ต.ม.นิดหน่อย และใช้เวลาเกือบ ๆ 2 ชั่วโมงกว่าจะออกมาได้ 

นี่คือรูปแรกในลอนดอนค่ะ ไม่มีอารมณ์จะหยิบกล้องใหญ่มือถือไปก่อนละกันนะลูกนะ เป็นรูปที่เราสองคนกำลังรอ Tube ค่ะ เดินออกมากจาก Terminal แล้วก็เดินมาขึ้นได้เลยหาง่าย ถือว่าเป็นประเทศที่สะดวกสบายในการเดินทางจริงๆ 

ความแม่! ความเพื่อนไม่มาด้วยแล้วก็ลากกระเป๋าใบใหญ่คนเดียวไปเลยสิคะคือถ้าเจอสถานีที่มีลิฟต์ก็รอดไปซึ่งถ้าไม่มีแทบจะร้องไห้ แต่เรามักจะเจอคนใจดีช่วยยกกระเป๋าตลอดเลยค่ะ ว่าไปคนลอนดอนนี่มีน้ำใจนะถึงที่พักประมาณ 5 โมงเย็น  ซึ่งเราพักย่าน Earls Court นั่ง  Tube จากสนามบินสายเดียวถึงใช้เวลา 20 นาทีถึงค่ะ
ลากกระเป๋าเปิด google map ตามหาโรงแรม ตอนจองโรงแรมยอมรับเลยว่าไม่ได้รู้เล้ยยยยว่าควรจองย่านไหน เน้นว่าไม่ไกลมากจากที่เที่ยวหลักของลอนดอน และราคาที่เรารับไหว สั้นๆ เน้นถูก นั่นเองค่ะ ฮ่า  นี่ค่ะทางเดินไปโรงแรมของเราซึ่งชอบมากเลยค่ะ เงียบสงบ เป็นย่ายที่เป็นทั้งอพาทเมนต์และโรงแรม

Exhibition Hotel 4 เราพักที่นี่  2 คืน ในราคา 11,649 บาท หารต่อคืน คืนละ 5,824.50 หาร 3 คืน จะตกคนละ 1,941.10 บาท สำหรับเราคือราคาดีงามเลยล่ะอยู่ในงบที่วางไว้
ห้องพักจัดว่าเล็กมาก เอาว่าแค่นอนได้ก็พอละ ห้องน้ำแคบ ยังดีที่เตียงนอนนุ่มสบาย และมีน้ำ ขนม กาแฟ นม ให้บริการฟรีค่ะ

จริงๆ ในแพลนเดิมคือเราจะเก็บกระเป๋าไปเดินเล่นใดๆ แต่ ณ จุดนั้นคือเพลียมากกอยากนอนสุดๆ ก็เลยได้แต่หาอะไรกินแถวย่านที่พักค่ะ 

Day 3
Buckingham Palace / Big Ben / London Eyes /Tower of London /  London Bridge  / Piccadilly Circle

วันนี้พร้อมเที่ยวเต็มที่แล้ว เย่ๆ ตื่นมาสดใสอากาศตอนเช้าก็หนาวสุดๆ แต่พอสายๆ เริ่มสบายขึ้น แต่งตัวชิลล์ๆ ได้เลยนะ จริงๆ เราตั้งใจจะไป Bukingham Palace ก่อนเลยค่ะ แต่ประจวบเหมาะดันไปตรงกับวัน Queen Elizabeth Il’s Platinum Jubilee celebrations พอดีทำให้ไม่สามารถแหวกผู้คนไปถึงได้ เอาภาพบรรยากาศผู้คนมาฝากค่ะ เป็นวันหยุดราชการของที่นั่น ประชาชนก็ต่างออกมาเฉลิมฉลอง

Big Ben

หอเอลิซาเบธ หรือรู้จักดีในชื่อ บิกเบน หลายคนเข้าใจว่าบิ๊กเบนเป็นชื่อหอนาฬิกาประจำรัฐสภาอังกฤษ แต่แท้ที่จริงแล้ว บิ๊กเบนเป็นชื่อเล่นของระฆัง ใหญ่ที่สุด หนักถึง 13,760 กิโลกรัม ซึ่งแขวนไว้บริเวณช่องลมเหนือหน้าปัดนาฬิกา ทั้งนี้มีระฆังรวมทั้งสิ้น 5 ใบ โดย 4 ใบจะถูกตีเป็นทำนอง ส่วนบิ๊กเบนจะถูกตีบอกชั่วโมงตามตัวเลขที่เข็มสั้นชี้บนหน้าปัดนาฬิกา แต่ว่าคนส่วนใหญ่กลับใช้ชื่อบิ๊กเบนเรียกตัวหอทั้งหมด ณ วันที่เราไป Big Ben ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะประมาณ 90% ได้ หลังจากที่ปิดปรับปรุงมานาน

London Eye

ลอนดอนอาย ชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในยุโรป มีความสูงถึง 135 เมตร ตั้งอยู่ ณ ที่ฝั่งสุดด้านตะวันตกของสวนจูบิลี่ บนริมฝั่งทางใต้ของแม่น้ำเทมส์  ไม่ได้ไปถึงตรงนั้นแต่ถ่ายรูปจากสะพานก็ได้ 
รูปคู่ที่พยายามมองหาคนถ่ายให้ พี่เค้ากดให้ 3 รูปถ้วน ซึ่งก็ไม่ได้โฟกัสเราเลยทั้ง 3 รูป แต่ก็โอเคสวยค่ะชอบ ฮ่า

Tower of London

ไปต่อกันที่ Tower of London หรือ หอคอยแห่งลอนดอนแต่เดิมที่นี่เป็นปราสาทพระราชวังของแห่งราชวงศ์อังกฤษในยุคกลาง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลอนดอนริมแม่น้ำเทมส์  เราไม่ได้เสียเงินเข้าไปข้างในแต่ถ่ายรูปข้างนอกก็สวยนะ

Tower Bridge London

สะพานลอนดอน เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ เชื่อมต่อระหว่างซิทีออฟลอนดอนเข้ากับย่านซัทเทิร์กในเซนทรอลลอนดอน ซึ่งเราสามารถเดินมาจาก Tower of London มาเรื่อยๆ ข้ามแม่น้ำอีกฝั่งได้ค่ะ
สามารถซื้อตั๋วขึ้นไปชมวิวชั้นบนได้นะ ค่าบริการ ผู้ใหญ่ £11.40  เด็ก £5.70
มุมถ่ายรูปให้ได้สะพานเต็ม ๆ ก็ต้องมานั่งหรือยืนมุมนี้เลยตรงริมแม่น้ำค่ะ
เนื่องจากวันหยุดผู้คนมารวมตัวกันริมแม่น้ำและมีการแสดงคึกคักมากเลยค่ะ สามารถซื้อขนมไอศกรีมมานั่งชิลล์ ๆ ที่สวนริมแม่น้ำได้
จริงๆ แล้วตั้งใจจะอยู่ที่นี่ยันพระอาทิตย์ตก เพื่อจะได้ถ่ายรูปแสงเย็นสวยๆ แต่ลืมไปว่าพระอาทิตย์ตกตั้ง 3 ทุ่มกว่า รอไม่ไหวค่ะ

Piccadilly Circle 

ปิดท้ายวันนี้ที่ Piccadilly Circle  ไม่ได้อยู่ใกล้กันแต่ก็นั่ง Tube แป๊บเดียวค่ะ  ที่นี่เป็นย่านที่คึกคักมาก มีร้านให้ช้อปปิ้ง ของฝาก ขนม เรียกว่าเป็นย่านเก๋ๆ ชิคๆ ที่มีทั้งวงดนตรี มีโชว์มาให้ดูกันเพลินๆ 

Day 4
Portobello road market / Science Museum / Natural History Museum / London Victoria Coach Station (นอนบนรถบัสไปสก็อตแลนด์)

เช้านี้เราตื่นมาเพื่อตั้งใจจะไป Portobello road market  หรือตลาดบนถนน Portobello มีระยะทางกว่า 1.8 กิโลเมตร คือไปเช้าอยู่นะนึกว่าจะต้องไปถ่ายตลาดเช้าแบบบ้านเรา ฮ่า จริงๆ ไปเกือบๆ เที่ยงก็ได้เพราะร้านบางร้านยังตั้งไม่เสร็จเลย เป็นถนนที่เดินเพลินมากเลยค่ะ สินค้ามีหลายประเภททั้งเสื้อผ้า งานศิลปะ อาหาร

โซน Street Food หลากหลายสัญชาติเริ่มขายตั้งแต่ 11 โมง
Natural History Museum
เปิด 10.00 – 17.50 น. ทุกวัน (ยกเว้น 24-26 ธ.ค.)

ลอนดอนคือเมืองแห่งพิพิธภัณฑ์ที่แท้ทรู  เป็นเมืองที่เหมาะแก่การพาลูกไปที่สุด วันนี้เมลลี่เป็นคนวางแผนทริปเองเลยค่ะว่าอยากจะไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์อะไรบ้าง ก็ส่วนใหญ่จะอยู่ในย่านใจกลางเมืองเดินทางสะดวก นั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานี South Kensington Station ที่สำคัญเข้าฟรี! 

พิพิธภัณท์ประวัติศาสตร์โลก Natural History Museum ยิ่งใหญ่อลังการมากเลยค่ะ ว้าวสุดๆ ไปเลย ไฮไลต์คือกระดูกไดโนเสาร์คอยาวตั้งอยู่ตรงกลางเลยค่ะ

จัดแสดงโซนต่างๆ  ได้แก่ 
Blue Zone สัตว์สต๊าฟกับโครงกระดูก
Red Zone ซึ่งโซนนี้จะจัดแสดงเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์ การกำเนิดโลก การเกิดภูเขาไฟและแผ่นดินไหว 
Green Zone โซนนี้จะมีสัตว์หลายชนิดด้วยกัน ได้แก่ สัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และแมลงสายพันธุ์ต่างๆ 
Orange Zone เป็นโซนของ Charles Darwin เป็นบุคคลสำคัญในแวดวงวิทยาศาสตร์ของประเทศอังกฤษ จริงๆ แค่เก็บมิวเซียมเดียวแม่ก็ปวดขาแล้วค่ะเดินไม่ไหว แต่ลูกสาวบอกว่าจะไปต่อ อ่ะแม่ก็ต้องสู้ ฮ่า

Science Museum

อยู่ใกล้กันกับมิวเซียมแรกเลยค่ะ เดินต่อได้เลย ซึ่งที่นี่ก็เข้าชมฟรีเช่นกัน และมีบางโซนที่ต้องเสียเงินเพิ่มเติมด้วยค่ะ
เด็กๆ ที่ชอบวิทยาศาสตร์ต้องไม่พลาด ที่นี่ตื่นตาตื่นใจมากเลยค่ะ
เที่ยวกันจนเย็นแล้ว คืนนี้เราต้องเดินทางไปเอดินบะระ สก็อตแลนด์กันต่อค่ะ ซึ่งเราต้องเดินทางด้วยรถบัส ใช้เวลาเดินทาง 10 ชั่วโมง ขึ้นรถที่ London  Victoria Coach Station เวลา 21.50 น.  บรรยากาศคล้ายๆ กับหมอชิตบ้านเราค่ะ แต่จะไฮโซหน่อยตรงที่มีเกทชัดเจน หากถามว่าทำไมถึงเลือกนั่งรถบัส ซึ่งปกติคนจะนิยมนั่งรถไฟมากกว่าขอบอกว่า ณ วันที่จองคือรถไฟแพงมากกก เลยลองกดรถบัสดูซึ่งราคาน่าร้ากกก ถูกในถูก ก็จองแบบไม่คิดไปเลยสิคะ
หรือหากใครอยากเดินทางสะดวกสบายสามารถนั่งเครื่องไปลงเอดินบะระ 
จองตั๋วเครื่องบินไปเอดินบะระ กับTraveloka Travel & Lifestyle Super App >
  https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Edinburgh.EDI

Day 5 
Royal Mile – Edinburgh Old Town / National Museum of Scotland
Calton Hill* (Sunset)

หลับบนรถบัสก็ไม่ได้ทรมาณอะไรนะคะ  เบาะถือว่าสบาย บนรถมี wifi มีปลั๊กให้เสียบ อะเริ่ด! ถึงที่เอดินบะระเช้าพอดีค่ะ เดินออกมาจากสถานีรถคือถนนเงียบเหงา แต่เราชอบจัง
มาถึงเอดินบะระ ก็ต้องตื่นเต้นกับความเมืองเก่า เมืองใหม่ ที่มี Tram เป็นตัวกั้นกลาง 
เอดินบะระ สำหรับเราคือชอบมาก ชอบความมีมนต์ขลังอย่างบอกไม่ถูก ชอบความเงียบสงบ มันดูรู้สึกปลอดภัยกว่าอยู่ลอนดอน อาจจะเพราะลอนดอนคนเยอะ แต่ที่นี่คือคนน้อย สบายๆ เมืองที่ทำให้เดินเล่นได้ไม่รู้จักเหนื่อย
เดินเล่นเพลินๆ ตั้งใจจะเอากระเป๋าไปฝากที่โรงแรมเพราะตอนนั้นเพิ่งจะ 10 โมง ยังไม่ถึงเวลาเช็คอินเลย เราไม่ได้รีบอะไรก็และลูกก็บอกว่าอยากเดินมากกว่า ไม่คิดว่าเราจะเดินลากกระเป๋าหนักๆ มาถึงโรงแรมในระยะทาง 5 กิโลเมตร! คุณพระ! เจ้าของโรงแรมถึงกับตกใจพวกยูเดินมาได้อย่างไรกัน 55 ซึ่งที่พักใจดีมากๆ ให้เราเช็คอินก่อนเวลาได้ด้วยค่ะ 

Capital Guest House เน้นถูกอีกแล้วเจ้าค่ะ ไม่ได้ดูเลยว่าอยู่ส่วนใหญ่ ฮ่า แต่ก็เดินได้ค่ะ จริงๆ มีรถเมล์ผ่านหน้าโรงแรมเลย
ห้องสำหรับ 3 คน จริงๆ นอน 4 คนยังได้เลย ห้องใหญ่มากกก เปิดประตูเข้าไปคือว้าวเลยค่ะ ในราคาน่ารัก 11,649 สำหรับ 2 คืน หาร 3  แล้วตกคนละ 1,941.50 บาท ต่อคืน

นอนหลับไปครึ่งค่อนวันด้วยความเพลียจากการเดินทาง ได้เวลาออกไปเที่ยวกันต่อแล้ว ขอประเดิมที่มิวเซียมที่ลูกอยากไป

 National Museum of Scotland  

เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ไม่ใหญ่มากค่ะแต่อัดแน่นไปด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจ

ออกจากมิวเซียมไปเดินเล่นย่านเมืองเก่า

อากาศดีมากๆใส่เดรสได้เลยนะรูปที่เมลลี่ถ่ายให้ฝีมือไม่ธรรมดาเลยค่ะ

Calton Hill

ขึ้นไปชมวิวสวยๆ  เขาคาลตัล เขาลูกเล็ๆ ที่ใช้เวลาเดินขึ้นง่ายๆ ประมาณ 10-15 นาที เด็ก และคนชรา เดินได้ค่ะ

ขึ้นมาปุ๊บก็ต้องร้องว้าว มุมนี้ที่เห็นตามหนังสือท่องเที่ยวของต่างประเทศ และเป็นมุมที่ใช้โปรโมทเอดินบะระในหลายๆ เว็บไซต์  ที่นี่ได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ด้วย ตรงจุดนี้สามารถมองเห็นตัวเมือง เอดินบะระได้เกือบหมดด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเล 103 เมตร ส่วนเสาหินตั้งเป็นวงกลมนี้ คือ Dugald Stewart Monument ซึ่งสร้างเป็นอนุสรณ์ให้กับ Dugald Stewart นักปรัชญาชาวสก็อตแลนด์

สามารถเดินชมวิวได้ 360 องศาเลยค่ะด้านบนมีร้านอาหารด้วยนะจริง ๆ อยากจะรอดูแสงเย็น แต่ๆ ตอนที่เราถ่ายรูปเซ็ตนี้ก็ทุ่มกว่าพระอาทิตย์ตก 4 ทุ่ม รอไม่ไหวต้องขอตัวกลับก่อน

Day 6
Day Trip , Hightland , Sky , Lockness

 เราจองตั๋วแบบ Day Trip ไว้ค่ะ ไปขึ้นรถแถว ๆ ทางขึ้นเขาคาลตัน ทริปวันนี้เราจะเที่ยวนอกเมือง ไปดูธรรมชาติของสก็อตแลนด์กัน ราคาทัวร์จะอยู่ที่ประมาณคนละ £80-130  ซึ่งของเราจ่ายไปที่คนละ 3,015.67 บาท  จริงๆ หากไป 4 คน แนะนำให้เช่ารถขับคุ้มกว่าเพราะตลอดเส้นทางคือสวยมาก จะได้แวะถ่ายรูปได้ตลอดด้วยค่ะ

ทัวร์ที่เราซื้อจะเริ่มตั้งแต่ 8โมง กลับถึงเอดินบะระ 2 ทุ่ม จุดแรกที่แวะคือให้อาหารน้อง Hightland คือสวยมากๆ สวยตลอดเส้นทางเลยค่ะ
แวะทานอาหารเที่ยงที่ Lockness ซึ่งอาหารจะไม่รวมในค่าบริการค่ะ

และไฮไลต์เส้นทางนี้คือการไปเยือนรถไฟในตำนาน Glenfinnan Viaduct รถไฟสาย Hogwarts Express  ทัวร์บอกว่าเวลาเราน้อยเดินไปตรงรางรถไฟกลัวจะไม่ทันให้ยืนดูตรงนี้ ซึ่งเมลลี่ท้อแท้บอกว่ามันไกลมากแม่ไม่เห็นอะไรเลย ดังนั้นแนะนำว่าให้เช่ารถไปเที่ยวเองจะดีมาก จะได้เดินไปรอถ่ายรูปรถไฟตรงโน้นได้
ระหว่างทางทัวร์ก็พาแวะหมู่บ้านน่ารัก ๆ 

เราจองไปกับ Discover Scotland Tour พนักงานแต่งตัวแบบนี้ทุกคนค่ะน่ารักดี
ขากลับจากทัวร์เลทเกือบ 3 ทุ่ม เลยพอมีเวลาไปดูแสงสุดท้ายบนเขาคาลตัลอีกรอบ
เดินกลับโรงแรมเหมือนเคยเป็นครั้งแรกที่กลับกันตอนมืดชอบบรรยากาศแบบนี้ที่เอดินบะระมากเลย

 

Day 7
Edinburgh castle  / National Gallerise of Scotland
Edinburgh – London (นอนบนรถบัส)

เช้านี้เราตื่นสาย ๆ จะเก็บตกสถานที่ท่องเที่ยวอีกสักรอบก่อนคืนนี้จะกลับลอนดอนแล้ว เราฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมค่ะ

เดินเล่น Park ในเมืองไม่ไกลจากโรงแรม
ปล่อยลูกเล่นไปแม่นั่งทำงานไปด้วย
Edinburgh Castle 

ไฮต์ไลต์ของการไปเยือนเอดินบะระ คือการไปเยือน ปราสาทเอดินบะระ แต่ ๆ แม่ไข่ไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้าค่ะ T_T เลยอดเข้าไปข้างใน เพราะติดวันหยุดด้วยคนเลยยิ่งเยอะมาก งด Walk in  

ก็เลยมานั่งมองจากสวนก็ได้ โถถถ ปลอบใจตัวเอง
แล้วไปเดินเล่นในห้างในเอดินบะระ

 National Galleries of Scotland 
เมลลี่ผู้ชอบเสพงานศิลป์ 

เข้าชมฟรีเหมือนทุกที่ค่ะด้านในเต็มไปด้วยงานศิลปะจากหลายยุคหลายสมัย

ออกจากแกลอรี มาเดินเล่นในสวนกันต่อ นั่งมุมนี้ดีต่อใจมาก

กุหลาบในสวนกำลังบานสะพรั่งสวยงามมากเลยค่ะ

บ๊ายบายเอดินบะระด้วยภาพคู่กันหน่อยก่อนจะขึ้นรถบัสกลับลอนดอนรอบ 21.50 น.


Day 8

Shopping at Oxford street

เช้านี้ว้าปกลับมาลอนดอนมาถึงตอนเช้าด้วยความที่ยังไม่ถึงเวลาเช็คอินเราเลยไปหาเพื่อนที่บ้าน ดังนั้นวันนี้เราแทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลยค่ะ ยกเว้นตอนเย็นแล้วที่ออกไปเดินเล่น Oxford street นิดหน่อย ช้อปปิ้งกรุบกริบ

ที่พักของเราคืนนี้ที่ The Windmill ข้อดีอยู่ติดถนนหาง่าย แต่ค่อนไกลจากสถานีรถไฟ

เป็นตึกเก่าแก่แต่ได้รับการรีโนเวทใหม่เราพักโซนใหม่ห้องดีมากกกค่ะกว้าง นอนได้ถึง 4 คนเป็นโรงแรมที่ราคาดีมากๆ 3 คืน 12,944 ตกคืนละ 4,314 บาท หารกัน 3 คน ตกคนละ1,438.22 บาท จริงๆ ห้องนี้ หาร 4 ยิ่งถูกมากๆ เลยค่ะ


Day 9

British Museum / Harrods / China Town

วันนี้ตื่นไปเก็บมิวเซียมและเป็นวันช้อปปิ้งเต็มๆ วัน

British Museum
ไปลอนดอนหากไม่ได้ไป British Museum ก็เหมือนไปไม่ถึง เป็นมิวเซียมที่ต้องมีเวลาครึ่งวันค่ะเพราะมีอะไรให้ดูเยอะมาก
ด้านในแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ได้แก่

โซนอียิปต์ โลงศพคลีโอพัตรา และโลงศพอื่น ๆ มัมมีอียิปต์ทั้งคนและสัตว์ รูปจิตรกรรมฝาผนัง นอกจากนี้ยังมีวัตถุโบราณของอัสซีเรียน อย่างเช่นรูปปั้นนูนต่ำ รูปสลักสิงโต จัดแสดงอยู่ในโซนนี้ด้วย

โซนกรีก วิหารพาร์เธนอน, รูปปั้นเทพีอะโฟรไดท์ รูปปั้นม้าจากเมาโซแลม หมวก โล่ แจกันแบบกรีก และอื่นๆ อีกมากมาย

โซนเอเชีย พระพุทธรูปโบราณจากจีน ญี่ปุ่น กัมพูชา อินเดีย

นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์สำคัญอยู่ที่แผ่นหิน Rosetta Stone ที่เป็นต้นแบบของศิลาจารึกภาษาอียิปต์ ที่ได้รับการถอดความเป็นภาษากรีก แล้วกลายมาเป็นเรื่องราวให้เราได้เรียนรู้กันในปัจจุบันนี้

เดินออกมาจากมิวเซียมก็จะพบกับสิ่งนี้

หิวแล้วไปหาอะไรทานกันที่ China town ไม่ไกลจากมิวเซียมค่ะ

อยากทานอาหารสัญชาติไหนมีหมดในย่านนี้


Day 10

Day trip Cotswold  & Bicester Village

อีกหนึ่งเส้นทางที่อยากไปมากๆ ในทริปนี้คือการได้ไปเที่ยว Cotswold ค่ะ ซึ่งสามารถไปได้หลายแบบ 
1.ซื้อทัวร์จากบริษัทต่างๆ 
2.เช่ารถขับเที่ยว
3.เช่ารถพร้อมคนขับ หรือทัวร์ไพรเวท

เราเลือกข้อ 3 ค่ะ พอดีเสิร์ชไปเจอกับพี่ชัย คนไทยที่อยู่ลอนดอน พี่ชัยคิดในราคา £300  รับได้ 4 คน หารกันแล้วก็ราคาดีนะคะ ซึ่งเราไปประกาศหาเพื่อนร่วมหารในกลุ่มได้พี่คนไทยมาอีกคนทำให้เรา 2 คนมีรูปคู่สวยๆ ขอบคุณพี่คนนั้นอีกทีนะคะ

จำได้ว่าตอนคุยกันในแชทพี่ชัยบอกว่า “รถพี่ธรรมดาๆ นะกลัวน้องจะนั่งไม่สบาย” พอมาถึงก็เบนซ์ไปเลยสิค้าาาา ธรรมดาตรงไหนคะคุณพี่ ฮ่า

ทัวร์ของพี่ชัยจะเริ่ม 9 โมงกลับ 3 ทุ่ม หากอยากอยู่ต่อจ่ายเพิ่มชั่วโมงละ £50 (ใครอยากได้ contact พี่ชัยทักมาใน ib เพจนะคะ)

หมู่บ้านที่เราไปคือ Castle comb , Biburry , Burton on the river , Burford และช้อปปิ้งที่ Bicester Village

นั่งรถออกจากลอนดอนประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงหมู่บ้านแรก  Castle comb

Cotswolds 

คือ Castle Combe หมู่บ้านเก่าแก่ริมน้ำที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ที่ขึ้นชื่อว่าสวยและบรรยากาศดีที่สุดในอังกฤษ ความพิเศษของหมู่บ้านคือความเงียบสงบ มีร้านขายของกระจุกกระจิกอยู่บ้างเป็นบางจุด และ The White Hart ร้านอาหารเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 บรรยากาศคลาสสิกสุดๆ ข้ามสะพานไปอีกฝั่งก็จะพบกับโรงแรม Manor House Hotel and Golf Club ที่พักสุดหรูชื่อดังของที่นี่

Biburry

หมู่บ้านที่ทำให้เราอยากมาเยือนมากที่สุด ด้วยชื่อเสียงที่ได้ยินมานานก็คือ Biburry เลยค่ะ ที่นี่มีแม่น้ำที่ทอดยาว มีกิจกรรมชมฝูงหงส์ เป็ดน้อย ที่ไม่กลัวนักท่องเที่ยวแม้แต่น้อย หรือการนั่งรถม้าชมหมู่บ้านก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย

ระหว่างทางเจอฝูงแกะก็แวะถ่ายรูปหน่อย

Bourton-on-the-Water

หมู่บ้านริมน้ำอีกแห่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ Bourton-on-the-Water ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น เวนิสแห่งคอตส์โวลด์ส”เนื่องจากมี แม่น้ำ River Windrush ไหลผ่านตลอดเส้นทางในหมู่บ้าน พร้อมกับต้นไม้ใหญ่ที่สร้างความร่มรื่น นอกจากบ้านของคนท้องถิ่นแล้ว ก็ยังมีร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ที่เปิดอย่างคึกคัก โดยเฉพาะร้านขายของที่ระลึกและของเล่นเก่าๆ ที่เมลลี่ตื่นตาตื่นใจสุดๆ 

Burford

จริงๆ หมู่บ้านนี้ไม่ได้อยู่ในแพลนตอนแรกค่ะ แต่ว่าเราขับรถผ่านเลยแวะสักหน่อย  Burford หมู่บ้านที่มีบรรยากาศคึกคักหมู่บ้านอื่นๆมากเลยค่ะ เนื่องจากตั้งอยู่ในแคว้น Oxfordshire ห่างจาก เมือง Oxford ไปเพียง 20 ไมล์เท่านั้น  จุดเด่นของหมู่บ้านแห่งนี้คือตั้งไล่เรียงติดต่อกันบนเนินเขา มองออกไปด้านหน้าก็จะเห็นทิวทัศน์ของทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่มาแต่ไกล ภายในหมู่บ้านก็จะมี พิพิธภัณฑ์ The Tolsey Museum ตึกเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 ด้วยนะ

Bicester Village

เที่ยวทั้งวันแล้วได้เวลาช้อปปิ้งที่ Bicester Villageเอาต์เลทขนาดใหญ่ใน Oxford รวมทุกแบรนด์ดังๆมาไว้ที่นี่แต่ไม่มี Chanel กับ Hermès

ในส่วนของราคาก็ถูกกว่าช้อปข้างนอกจริงๆค่ะแต่ส่วนใหญ่จะเป็นคอลเลคชั่นที่ตกรุ่นแล้ว

Day 11
16.10 Heathrow Airport
21.00 Helsinki Vantaa
00:45 Helsinki Vantaa – BKK
16:25 Suvarnabhumi International Airport

เช้าวันสุดท้ายเราตื่นสายๆ มาเดินเล่นกันย่านที่พักแล้วก็รีบไปที่สนามบินค่ะเนื่องจากที่พักค่อนข้างไกลเผื่อเวลาไปช้อปปิ้งที่สนามบินด้วยนิดหน่อย

ในส่วนของอาหารเราของทริปนี้ถ่ายรูปไว้น้อยค่ะ  แต่ในทุกวันจะทานดีๆ 1 มื้อ เช่น มื้อเที่ยงหรือมื้อเย็น อาหารที่เราทานจะสลับกันไปค่ะ เช่น อาหารไทย อาหารญี่ปุ่น อาหารจีน อาหารเกาหลี ซึ่งหากมื้อใหญ่จะหมดประมาณ 1,500 – 2,000 บาทสำหรับ 2 คนค่ะ ส่วนมื้ออื่นๆ มักจะทานง่ายๆ เช่น KFC ,  Pizza Burger หรือ Mcdonald’s เพราะหาซื้อง่ายและราคาถูก ตกมื้อละ 300-400 บาท สำหรับ 2 คนนะคะ หากถามว่าประทับใจร้านไหนบ้างก็จะนึกถึงร้านบุฟเฟ่อาหารญี่ปุ่นที่ลอนดอนที่เพื่อนพาไปเลี้ยงตกคนละ £25 อร่อย คุ้ม มาก และอีกร้านที่เอดินบระเป็นร้านอาหารอิตาเลียนที่ไวน์ราคาดี อาหารอร่อยจำได้ว่าเมลลี่ทานพิซซ่าคนเดียวหมดถาดเลย

สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้  ราคาหารแล้วต่อคน 
ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป – กลับ  17,463.66 บาท
น้ำหนักกระเป๋า ไป-กลับ   5,050 บาท
ที่พักลอนดอน 5 คืน  9,415.98 บาท
ที่พักสก็อตแลนด์ 2 คืน  4,003.11 บาท
ค่ารถทัวร์ไป-กลับสก็อตแลนด์  1,104.18 บาท
ทัวร์สก็อตแลนด์ 3,015.67 บาท
ทัวร์ Costworld  2,138.75 บาท
ค่า Tube 1,800 บาท
รวม 43,991.35 บาท*
ราคานี้ไม่รวมอาหารประมาณคนละ 9,000-12,000 บาท

เป็นทริปที่สนุกมากเลยค่ะ ได้รู้ว่าการเดินทางกับลูก 2 คนไม่ยากเลย ได้เห็นศักยภาพของลูกไม่คิดว่าเมลลี่จะเก่งขนาดนี้ เป็นทริปที่เราสองคนยกไว้ในลิสต์อันดับต้นๆที่ประทับใจเลยค่ะ และหวังว่าเราจะได้กลับไปอังกฤษอีกครั้งรอบนี้จะไปเก็บให้ครบทุกเมืองไปเลย 🙂

หากเพื่อนๆ อยากหาข้อมูลเที่ยวต่างประเทศอื่นๆ ตามไปอ่านบทความไปเที่ยวต่างประเทศ กันได้ที่นี่เลยค่ะ > https://www.traveloka.com/th-th/flight/travel-global

teawbebgru

เราก็แค่ครอบครัวที่รักการเดินทาง ดีใจที่ได้พาลูกท่องโลกกว้างด้วยกัน ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเรื่องเล่าของเรานะคะ ^^ติดต่องาน E-mail : [email protected]

ใส่ความเห็น