เที่ยวพัทลุง | พัทลุงไม่ได้มีแค่ยอยักษ์และบัวแดง

เที่ยวแบบกรูพาไปเที่ยวพัทลุงจังหวัดที่ไม่ได้มีแค่ยอยักษ์ และทะเลน้อยที่มีบัวแดงเต็มไปหมด สารภาพตามตรงค่ะว่าครอบครัวของเรารู้จักแค่นี้จริงๆ และพัทลุงก็เป็นจังหวัดที่อยากไปมากๆ แต่ไม่มีโอกาสสักที ดังนั้นทริปนี้จึงจัดเต็มที่กิน ที่เที่ยว ให้เพื่อนๆ สามารถตามรอยได้ในเวลา 3 วัน 2  คืนค่ะ
เที่ยวพัทลุง
การเดินทางไปพัทลุงสามารถเดินทางไปได้ทั้งเครื่องบิน รถทัวร์ รถไฟ ทริปนี้ครอบครัวของเราเลือกเดินทางโดยเครื่องบินค่ะ ซึ่งสามารถเลือกไปลงได้ทั้ง 3 สนามบินใกล้เคียง ได้แก่ สนามบินหาดใหญ่ สนามบินนครศรีธรรมราช สนามบินตรัง เราเลือกไปลงที่สนามบินหาดใหญ่หลังจากนั้นเดินทางต่อด้วยรถยนต์ค่ะ

สวนลละลุงถัน

ที่แรกที่อยากพาไปคือการท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ สวนสละลุงถัน อยู่ที่อำเภอป่าบอน ชื่อสวนก็มาจากชื่อเจ้าของซึ่งก็คือ ลุงถัน นั่นเองค่ะ คุณลุงผู้พลิกแนวคิดจากการทำสวนยางมาปลูกสละ บนเนื้อที่ 20 ไร่

ในสวนของคุณลุงมีคำคม คติสอนใจติดไว้ที่ต้นสละด้วยค่ะ
เมื่อไปถึงก็ได้ชิมสละลอยแก้วสดๆ เย็นชื่นใจ

สละลุงถันมีผลผลิตดีนอกจากจำหน่ายในท้องถิ่นแล้วยังเป็นผลไม้ที่ส่งออกนอกประเทศด้วยนะคะ โกอินเตอร์สุดๆ


บอกตามตรงค่ะว่าเราเป็นคนที่ปอกสละไม่ได้เรื่องเลย คือเละมากกว่าจะได้กินแต่จริงๆ แล้วลุงบอกว่าปอกง่ายมากๆ ไม่กี่วินาทีเองเท่านั้นถึงกับจับเวลาแค่หมุนไปหมุนมาออกมาสวยเชียว 

นอกจากได้ชิมสละสดๆ สละลอยแก้ว สอนปอกสละง่ายๆ ไม่กี่วินาทีแล้ว สวนลุงถันยังให้ความรู้เกี่ยวกับการผสมพันธุ์สละด้วยนะคะ

สวนสละลุงถัน ไปเที่ยวได้ทุกวันค่ะ หากมีเวลาว่างลองจัดทริปเที่ยวเมืองลุงแล้วบรรจุสวนสละลุงถันไว้ในโปรแกรมด้วย
โทรศัพท์ :  084-8593571, 089-9779091
 

ร้านอาหารทิวทัศน์

หลังจากเพลิดเพลินกันที่สวนลุงถันแล้วไปทานมื้อเที่ยงกันค่ะที่ร้านอาหารทิวทัศน์ ที่นี่เป็นทั้งสวนอาหารและที่พัก ท่ามกลางบรรยากาศวิวทะเลสาบ

ขนาดไปตอนกลางวันแดดจัดๆ แต่ลมก็พัดเย็นสบายดีค่ะเมนูวันนี้ได้แก่ ปลาตะเพียนไร้ก้าง 250 บาท ตัวใหญ่สมราคาน้ำจิ้มเด็ด ปลาสดดีค่ะ

แกงคั่วเนื้อปูใบชะพลู 280 บาท  เมนูโปรดของเราเลยค่ะ กะทิเข้มข้นมากเนื้อปูแน่นๆ ทานกับเส้นหมี่ยกให้เป็นเมนูที่ชอบที่สุดเลย

กุ้งตัวใหญ่ ขายตามราคามันสุดๆ ผักเหลียงผัดไข่ 100 บาท  ไปเยือนแดนใต้ต้องสั่งเมนูนี้

กุ้งต้มกะทิสายบัว กุ้งตัวใหญ่น้ำกะทิกำลังดีไม่มันจนเกินไป ราคาตามขนาดกุ้งค่ะ

ยำทิวทัศน์ 120 บาท มีปลาหมึก กุ้ง ไข่ต้ม เครื่องแน่นมาก

ร้านเปิดบริการตั้งแต่ 10.00 – 22.00 น. ไปตอนเย็นๆ บรรยากาศดีมากๆ
เบอร์โทรศัพท์ : 074 675 536

ถ้ำน้ำเย็น

เรายังคงอยู่ที่อำเภอเขาชัยสน ไปนั่งเรือลอดท้องมังกรชมความงามของหินงอก หินย้อยกันค่ะ นอกจากถ้ำน้ำเย็นแล้วยังมีอีกถ้ำไม่ไกลกัน คือถ้ำลอกอ

อัตราค่าบริการ
ถ้ำน้ำเย็น 
200 บาทต่อครั้ง ต่อลำ นั่งได้ ผู้ใหญ่ 4 คน เด็ก 2 คน 
ถ้ำลอกอ
200 บาทต่อครั้ง ต่อลำ ไม่เกิน 4  คน หากเกินคิดเพิ่มคนละ 50  บาท
เด็กเท่าเมลลี่ก็ลงเรือได้นะคะ เรือที่ใช้คือเรือท้องแบนพร้อมแล้วไปกันค่ะ
ภายในถ้ำต้องนอนราบเป็นช่วงๆ ลุงคนพายเรือก็จะบอกเป็นระยะ “อ้าว หมอบ” 
มีเมลลี่คนเดียวที่สามารถนั่งได้ เด็กน้อยดูสนุกสนานกับสิ่งที่ได้เห็นมากๆ ไม่ได้กลัวอะไรเลยค่ะ ภายในถ้ำอากาศถ่ายเทไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัด เย็นสบายด้วยนะคะด้านในมืดมากต้องใช้ไฟฉายในการส่องให้ถ่ายภาพมีค้างคาวอยู่ด้านในเยอะเลยค่ะหินงอก หินย้อย รูปทรงต่างๆ สวยงามมาก ไม่ว่าจะเป็นรูปช้าง รูปเต่า รูปตาเท่ง รูปแม่ย่านาง กรงเล็บมังกร หินโรมัน และอีกหลายอย่างซึ่งคนพายเรือจะชี้ให้เราดูเรื่อยๆ ค่ะจุดนี้เหมือนเพชรมากส่องประกายระยิบระยับ ดูด้วยตาห้ามจับจ้องนะคะ ตรงกลางถ้ำมีน้ำด้วยใสมากเย็นด้วยค่ะใช้เวลาล่องเรือประมาณหนึ่งชั่วโมง เป็นหนึ่งชั่วโมงที่คุ้มค่ามาก
ถ้ำน้ำเย็น ให้บริการเรือเข้าชมทุกวัน เวลา 9.00 – 16.30 น.

ถ้ำพระ

ไปเที่ยวกันต่อค่ะที่ถ้ำพระ  อยู่ไม่ไกลจากถ้ำน้ำเย็น อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดเมื่อไปเที่ยวเมืองลุง จอดรถแล้วเดินขึ้นบันไดไปนิดเดียวค่ะ

เดินขึ้นไปถึงจะพบกับห้องโถงกว้างๆ เข้าไปลึกหน่อยจะพบกับเสาไม้แกะสลัก และภาพเขียนฝาผนังเกี่ยวกับเรื่องราวพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า

เดินขึ้นไปชั้นบนจะมองเห็นโพรงของถ้ำ

ชั้นนี้มีพระนอน ชื่อว่า พระวิมุตตะโร ขนาดยาวประมาณ 20 เมตร อายุประมาณ 20 ปี สวยงามมาก นอกจากนั้นยังมีสถูปโบราณขนาดใหญ่ตั้งโดดเด่นอยู่ตรงกลาง

เรายังคงอยู่ที่อำเภอเขาชัยสน ไปเที่ยวกันต่อที่ บ่อน้ำร้อนเขาชัยสนค่ะ
ตอนแรกไปถึงตื่นเต้นมาก เฮ้ย! บ่อน้ำร้อนน้ำสีมากกกกกกรี๊ดๆๆ ไปยืนตื่นเต้นอยู่คนเดียว แต่สามีก็มาสะกิดเบาๆ ว่า
“แม่ น้ำสีฟ้าเพราะกระเบื้องนะดูดีๆ “ แป่ว

บ่อนี้เป็นบ่อแช่เท้า ที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินมีอุณหภูมิประมาณ 60 องศาเซลเซียส ไม่มีกลิ่นนะคะ สามารถแช่เท้าได้ฟรีค่ะลึกประมาณแค่เข่าเท่านั้นเอง

คือใสมากๆ ใสจนมองเห็นเล็บเท้าชัดเจนเลยค่ะ ซึ่งการแช่เท้าประมาณ 30-45 นาทีนั้น จะช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี ลดความเครียด ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย บรรเทาอาการปวดเมื่อยได้ด้วยยังมีอีกบ่อเดินไปทางนี้เลยค่ะ 
ยังมีอีกบ่อค่ะซึ่งน้ำใสไม่แพ้กันบ่อนี้ไม่อนุญาติให้แช่เท้านะคะ

ใครอยากเปิดห้องแช่ทั้งตัวห้องเล็ก 120 บาท/ชั่วโมง  ห้องใหญ่ 200 บาท/ ชั่วโมง  หรืออยากจะเพิ่มความฟินไปอีกระดับแนะนำให้เปิดห้องพักซึ่งสามารถแช่อ่างได้ด้วยค่ะ ราคาเริ่มต้น 500 บาท 
บ่อน้ำร้อนเขาชัยสน เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 – 18.00 น.ติดต่อสอบถามข้อมูล จองห้องพักได้ที่  074 691 632

วังเก่า

ยังมีอีกหลายสถานที่บอกเล่าถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่พัทลุง โดยเฉพาะที่วังเก่า – วังใหม่ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญตั้งอยู่ในอำเภอเมือง 
วังเก่า เป็นวังของเจ้าเมืองพัทลุง สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 มีลักษณะเป็นเรือนไทยแฝดสามหลัง ยกใต้ถุนสูง จั่วขวางตะวัน เรือนหลังที่ 1 และ 2 ทำเป็นห้องนอน ด้านหน้าห้องนอนสร้างเป็นห้องโถงติดกัน ถัดออกไปเป็นชานขนาดเล็กต่อไปยังเรือนครัววัสดุก่อสร้างเป็นไม้ทั้งหมด ข้าวของเครื่องใช้หลายอย่างยังคงเก็บรักษาไว้ให้คงอยู่ดังเดิม

วังใหม่ อยู่ด้านหลังวังเก่า มีทางเดินที่เป็นคอนกรีตอย่างดีทำให้นึกถึงละครจักรๆ วงศ์ๆ ขึ้นมาเลยค่ะ 

วังใหม่เป็นกลุ่มเรือนไทย 5 หลัง ยกพื้นสูงล้อมรอบชานซึ่งอยู่ตรงกลาง เรือนทั้ง 5 หลังนี้ประกอบด้วยเรือนประธาน มีลักษณะเป็นเรือนแฝด ภายในมีห้องนอนหลายห้องใช้เป็นที่พักของพระยาอภัยบริรักษ์ (เนตร จันทโรจวงศ์) พร้อมภรรยาเอกและบุตร ด้านหน้าห้องนอนเป็นห้องโถงใช้สำหรับเป็นสถานที่สำหรับเจ้าเมืองว่าราชการ ส่วนเรือนไทยอีก 1 หลัง เป็นเรือนขนาดเล็ก มีห้องนอนและระเบียงหน้าห้องเหมือนกันทุกหลัง ใช้เป็นที่อยู่ของอนุภรรยาและบุตรของเจ้าเมือง ส่วนเรือนหลังสุดท้ายเป็นเรือนครัว

เรือพัทลุง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ มีประวัติที่น่าสนใจเหมือนกันค่ะ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 เรือที่รัฐบาลกลางจัดส่งมาให้ใช้ในงานราชการ หลังจากมีการตั้งมณฑลนครศรีธรรมราช และตั้งศาลาว่าการมณฑล ณ เมืองสงขลา เมื่อปี พ.ศ.2439 โดยเรือพัทลุง เป็นเรือที่มีขนาดเล็กสุดใน 3 ลำ ตัวเรือยาว 13.5 เมตร กว้าง 3.5 เมตร เป็นเรือท้องแบบ ลักษณะชั้นครึ่ง ด้านบนเป็นดาดฟ้า หน้าที่หลักของเรือพัมลุง ก็คือ รับส่งเอกสาร และติดต่อทางราชการระหว่างเมืองสงขลา และเมืองพัทลุง รวมถึงเมืองอื่นๆ ที่อยู่ในทะเลสาบสงขลา อีกทั้งยังเคยเป็นเรือพระที่นั่งพระมหากษัตริย์ ถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกสมัยรัชกาลที่ 7 และอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมราษฎร

สนามหญ้าด้านข้างของวังใหม่มีต้นมะพร้าวรายล้อม บรรยากาศตอนเย็นๆ นั่งชมวิถีชีวิตชาวบ้านที่ศาลาริมน้ำหวลให้ระลึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ได้เลยค่ะวังเก่า-วังใหม่ เปิดให้เข้าชมได้ทุกวันตามเวลาราชการ ยกเว้นวันจันทร์-อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์

วัดวัง 

อยู่ในโซนเดียวกันกับ วังเก่า วังใหม่
เดิมเป็นวัดโบราณ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ต่อมาได้สร้างขึ้นใหม่โดยพระยาพัทลุง (ทองขาว) ในสมัยรัชกาลที่ 3 และเคยเป็นสถานที่ทำพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาในสมัยรัตนโกสินทร์ ต่อมาเมื่อย้ายเมืองพัทลุงไปตั้งที่ตำบลคูหาสวรรค์ วัดวังก็ชำรุดทรุดโทรมลง และได้มีการบูรณะขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2512 สิ่งสำคัญของวัดวังคือ พระอุโบสถ เป็นสถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ ประดับด้วยช่อฟ้าใบระกา ด้านหน้ามีมุขเด็จยื่นออกมาภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสีฝุ่น สันนิษฐานว่าเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 กล่าวกันว่าเป็นฝีมือช่างคณะเดียวกับที่เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติและเทพชุมนุม บริเวณระเบียงคดโดยรอบมีพระพุทธรูปปูนปั้น 108 องค์ นอกจากนี้ยังมีพระเจดีย์ วิหารและธรรมาสน์ลายทองสร้างในสมัยรัตนโกสินทร์เช่นเดียวกับพระอุโบสถ 

ปิดท้ายทริปในวันแรกด้วยการไปชมแสงสุดท้ายที่ สะพานเฉลิมพระเกียรติ สะพานข้ามทะเลสาบที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ระยะทาง  5.9 กิโลเมตร
มีบ้านเก่าหลังหนึ่งที่ใครไปต้องถ่ายรูป ต้องขอบคุณเจ้าของที่ไม่รื้อถอนบ้านหลังนี้ออกไปเพราะถือว่าเป็นจุดที่ทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้นทีเดียวค่ะ

น่าเสียดายที่พระอาทิตย์ขี้อายไม่โผล่มาให้เห็นแต่ถึงอย่างไรก็เป็นอีกวันที่ครอบครัวเรามีความสุขได้ยืนมองแสงสุดท้ายที่ลาลับขอบฟ้าไปพร้อมๆ กัน

มื้อเย็นเราไปทานอาหารกันที่ ร้านอาหารสามกั๊กทะเลน้อย อยู่ไม่ไกลจากสะพานเฉลิมพระเกียรติ เป็นร้านอาหารที่บรรยากาศดีมีห้องจัดเลี้ยง ท่ามกลางบ่อปลา ส่วนอาหารเน้นอาหารพื้นบ้าน

จัดมามีแต่เมนูแซบๆ แค่มาเสิร์ฟก็น่ากินจนต้องรีบขอข้าวสวยร้อนๆ 
เมนูนี้น่าจะเป็นตำรากบัว ถ้าจำไม่ผิดนะคะ คือเป็นครั้งแรกที่ได้ทานจริงๆ ไม่คิดว่ารากบัวจะตำส้มตำได้ด้วยอันนี้จะเป็นปลาดุกร้า แปลกดีค่ะกลิ่นก็ใช้ได้เลยนะ 55

ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น.
เบอร์โทรศัพท์ 089 653 5952

เที่ยวมาทั้งวันได้เวลาเข้าที่พักซึ่งทริปนี้เรานอนที่ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย

ต้องบอกว่าไปถึงก็มืดแล้วมองไม่ค่อยเห็นอะไร รู้แต่ว่าบ้านพักอยู่ท่ามกลางธรรมชาติสุดๆ ภายในห้องมีเตียงขนาดใหญ่ มีแอร์ โต๊ะเครื่องแป้ง และห้องน้ำในตัวค่ะ หลับไปอย่างง่ายดาย

DAY 2
เช้านี้เรามีนัดตี 5 ครึ่ง เพื่อจะตื่นไปดูบัวแดง

อีกหนึ่งอย่างที่อยากมาเที่ยวพัทลุงคือการตื่นเช้าล่องเรือไปชมทะเลยบัวแดงนี่เลยค่ะ หลังจากที่เมื่อคืนมาถึงที่พักดึกดื่นจนมองไม่เห็นความสวยงาม เมื่อเปิดประตูออกมาตอนตี 5 ครึ่ง ถึงกับร้องโอ้โห สวยมากๆ เลยค่ะ
ไปยืนรอเพื่อนๆ ก็เก็บภาพไปพลางๆ แสงสีทองค่อยๆ โผล่ออกมา

การล่องเรือไปชมบัวแดงนั้นหากอยากได้แสงสวยๆ ต้องตื่นแต่เช้ามืดลงเรือก่อนพระอาทิตย์ขึ้นจะดีที่สุดค่ะ ไม่รู้จะอธิบายยังไง รู้แต่ว่าฟินและมีความสุขมากกกค่ะ
นอกจากเพลินกับการถ่ายรูปดอกบัวแล้ว ยังสนุกกับการถ่ายนกที่บินไปมาเยอะมาก เมลลี่ก็แฮบปี้มากเช่นกันค่ะ

ทริปนี้เรานอกจากถ่ายรูปดอกบัวแล้ว ยังล่องเรือชมวิถีชีวิตชาวประมง ไปดูควายเล่นน้ำซึ่งต้องนั่งเรือออกไปอีกสักพัก
ไปดูนกกันต่อ นี่มันดินแดนนกชัดๆ เต็มต้นไม้ไปหมดเลยค่ะเรียกว่านั่งเรือกันจนหิวข้าวมากๆ เพราะนั่งนานเกินไปตั้งแต่ตี 5 กว่าๆ จน 8 โมงกว่าๆ ผ่านทะเลสาบสงขลาชมวิวขากลับ

ตื่นเต้นได้เห็นยอยักษ์ด้วย ลอดผ่านยอพอดีเลยค่ะเรือก็จะวนไปทางสะพานเฉลิมพระเกียรติด้วย

ขากลับพี่ๆ เตรียมข้าวห่อใบบัวไว้ให้ มีข้าวยำด้วยอร่อยมากๆ คือไม่รู้ว่าหิวจนไส้กิ่วหรืออย่างไรหมดภายในไม่กี่นาที ใครที่ไปเที่ยวแล้วอยากชิมข้าวห่อใบบัวลองติดต่อประสานงานกับพี่คนขับเรือไว้ล่วงหน้านะคะสำหรับทริปล่องเรือเที่ยวทะเลน้อย ถ่ายรูปบัวแดง ราคา 800 บาท ต่อลำ นั่งได้ 4-5 คน จริงๆ ราคาขึ้นอยู่กับว่าเรานั่งไปไกลแค่ไหนด้วยนะคะ อย่างไรก็ตามลองสอบถามราคาหน้างานอีกครั้ง

ไปพัทลุงต้องไปชิม ขนมหวานป้ากี้ อ.ควนขนุน ไม่อย่างนั้นเขาบอกว่าไปไม่ถึง  กำเงิน 10 บาทไปร้านป้ากี้ก็ได้กินขนมอร่อยๆ ที่มีให้เลือกละลานตามากกว่า 20 เมนู 

ป้ากี้เล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนขายบนรถเข็นหน้าตลาดสดปากคลอง จนย้ายมาขายหน้าบ้านตนเองไม่กี่ปีมานี่เองค่ะ
ขนมแนะนำที่ต้องชิมคือ สาคูต้น ที่เห็นยืดๆ นี่เลยค่ะ ทำจากต้นสาคูแท้ๆ จะมีความหนืบๆ เคี้ยวเพลินๆ อธิบายไม่ถูกรู้แต่อร่อยมากๆ ต้องไปชิมที่พัทลุงเท่านั้นนะ

แต่ละคนหมดไม่ต่ำกว่า 2  อย่าง เพราะว่าจะเพลินในการกินมากๆ เลยค่ะ
ร้านนี้อยากจะเรียกว่าร้าน สาว สาว สาว จริงๆ ค่ะ คุณป้าทั้งสามคนน่ารักมากๆ ร้านเปิดทุกวันไม่มีวันหยุด  (นอกจากวันที่ป้าต้องไปหาหมอ) ตั้งแต่เวลา 10.00 – 16.00 น.
โทรศัพท์ : 074-672352

ใครใช้ให้กินขนมหวานแล้วไปต่อของคาว เรานี่แหละ 55 อย่าเพิ่งบ่นว่าอิ่มถ้ายังไม่ได้ไปชม ร้านอาหารครัวคนเกษตร ฟาร์มแอนด์เรสเตอรองท์ อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 17 กม.

บรรยากาศร้านร่มรื่นตกแต่งด้วยต้นไม้หลายพันธุ์ มีสองบรรยากาศให้เลือกอยากนั่งแอร์เย็นๆ เชิญด้านในค่ะ อาหารขอร้านจะเป็นแนวฟิวชั่น 
เมนูแนะนำ เป็ดอบซอสส้ม  คุณแม่ไม่ทานเป็ดค่ะเลยถามคุณสามีบอกว่าอร่อยดีทานคู่กับผักสลัดเข้ากันดี

ขาหมูทอด  น้ำจิ้ม 3 แบบ จัดว่าเด็ดทีเดียว

เมนูเด็ดต้อง ไก่รัญจวน วัตถุดิบเป็นไก่พื้นบ้านพัทลุง ปลอดสารพิษเลี้ยงเอง ตัวใหญ่เนื้อแน่น คุณสมบัติไก่เหนียวและนุ่มในตัว เมนูนี้เป็นเมนูที่ใครมาพัทลุงต้องห้ามพลาดเป็นเมนูเดียวในประเทศไทย ไก่นำมาหมักคลุกเครื่องสมุนไพร ให้เข้าเนื้อไก่ แล้วผ่านขั้นตอนการปรุงแต่งและรังสรรค์มาอย่างดีเพื่อให้ลูกค้าได้ลิ้มลองเมนูนี้ เสิร์ฟคู่กับสมุนไพรทอดกรอบลงตัวอย่างมากราคา 1 ตัว 500 บาท และครึ่งตัว 250 บาท 

ร้าน ครัวคนเกษตร ฟาร์มแอนเรสเตอรองค์ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น. 
เบอร์โทรศัพท์ : 064 808 7990
Facebook : ครัวคนเกษตร ฟาร์มแอนเรสเตอรองค์

ล่องแก่งป่าพะยอม กับหนานมดแดง 

ใครชอบความตื่นเต้นพัทลุงก็มีเหมือนกันนะคะ

ล่องแก่งป่าพะยอม อ.ป่าพะยอม พัทลุง ซึ่งล่องแก่งหนานมดแดงเป็นผู้บุกเบิกจนทำให้การล่องแก่งป่าพะยอมเป็นที่รู้จัก ซึ่งตอนนี้มีผู้ประกอบการอีกหลายเจ้าเลยค่ะ ซึ่งการล่องแก่งป่าพะยอมจะล่องในคลองห้วยน้ำใส เป็นคลองที่กั้นระหว่างจังหวัดพัทลุงกับจังหวัดนครศรีธรรมราช 

คลองห้วยน้ำใส  รับน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส ที่รับน้ำจากเทือกเขาบรรทัด  มีการปล่อยน้ำตลอดทั้งปี  ทำให้ที่นี่สามารถล่องแก่งได้ตลอด ปลอดภัยแม้ในช่วงหน้าฝน  ด้วยความยากระดับ 2-3 (จาก 6 ระดับ)  ทำให้เป็นที่ชื่นชอบสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบความตื่นเต้น แต่ไม่หวาดเสียวมาก  เด็ก 4-5 ขวบ ก็สามารถลงเรือได้  

ทริปนี้เราเลือกไปล่องกับหนานมดแดงค่ะ บรรยากาศด้านในร่มรื่นเชียวค่ะมีมดแดงตัวใหญ่เป็นสัญลักษณ์ไปถ่ายรูปกันได้

ก่อนจะไปล่องแก่งพาสำรวจรอบๆ หนานมดแดงกันก่อนนะคะ อย่างแรกที่ประทับใจคือห้องน้ำ เป็นห้องน้ำที่สะอาดมาก

ใครไม่อยากล่องไปนั่งร้านกาแฟรอเพื่อนก็ได้

หรืออยากจะค้างคืนก็มีที่พักเป็นบ้านต้นไม้มองจากด้านนอกเฉยๆ ใช่มั้ยคะ 

เปิดประตูเข้าไปตะลึงกันเลยทีเดียว ใหญ่โตมาก กว้างขวางแบบอยู่รวมกันได้สิบคนไม่อึดอัดเลย

ว้าวกับห้องไม่พอเปิดไปดูห้องน้ำ ว้าวววไปอีกขั้น แลดูหรูหราอยากจะนอนแช่ตัวในอ่างไม่ไปแล้วล่องแก่ง 55

ยังไม่พอ สไลเดอร์ที่นี่มัน (ส์) มาก ยาวมากตั้งแต่เราเห็นเคยเห็นมาเลยค่ะ

เอาล่ะได้เวลาไปล่องแก่ง ซึ่งต้องนั่งรถออกไปยังจุดปล่อยตัว ระยะ 5-6 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชั่วโมง จริงๆ ก็ขึ้นอยู่กับพละกำลังในการพายของเรือเราด้วย เรือลำหนึ่งนั่งกัน 2 คน ไม่ต้องกลัวนะคะจะมีสตาฟคือประกบหน้าหลัง

มันก็จะตื่นเต้นเป็นระยะๆ 

คือไม่ได้เอากล้องไปด้วยเลยไม่มีภาพมาให้ชมกันเยอะ ต้องเล่าอีกความประทับใจและไม่เคยเห็นมาก่อนเลยคือ มีจุดพักระหว่างทางด้วยมีชิงช้าให้นั่งเล่น มีมาม่าให้ต้มกิน เก๋มากกกก

ราคาล่องแก่งคนละ 200 บาท ราคานี้มีเครื่องดื่มอุ่นๆ ให้ด้วยหลังจากกลับมาจากล่องแก่งแล้ว หรือใครอยากพักที่นี่ก็มีแพกเก็จที่พัก รวมล่องแก่ง พร้อมอาหาร ติดต่อได้ที่  081 082 0206 
Facebook :  ล่องแก่งหนานมดแดง พัทลุง
website :  http://www.nhanmoddang.com/

หลานตาชูสเต๊กเฮ้าส์

หมดพลังจากการล่องแก่งหิวกันมากไปร้านนี้กันค่ะ หลานตาชูสเต๊กเฮ้าส์ ร้านที่ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของจังหวัดทีเดียวค่ะ ร้านใหญ่มีที่จอดรถสะดวกสบาย

ตกใจมากวันที่ไปคือวันธรรมดาแต่คนแน่นร้าน มีหลายโซนให้เลือกนั่ง ได้แก่ เอาต์ดอร์รับลมเย็นๆ ด้านในเป็นมุมสเต๊ก
ห้องจัดเลี้ยงแบบส่วนตัวก็มีค่ะ
มุมสำหรับคุณลูก
มาดูเมนูอาหารกันบ้าง ตื่นตากับเมนูแรกที่เสิร์ฟแบบลุกเป็นไฟ บาบีคิวหมู 210 บาท หมูผ่านการหมักอย่างดีนุ่ม ทานกับเครื่องเคียงที่เสิร์ฟมาคู่กัน ห่อหมกทะเลจานร้อน 150 บาท ห่อหมกเสิร์ฟแบบนี้ก็มีด้วยน่าทานมากเลยค่ะ น้ำกะทิข้นมากกก ต้องสั่งเลยนะเด็ดจริงๆ
แกงป่าปลาทราย 120 บาท  เป็นแกงที่ไม่ได้เน้นน้ำซุปแต่เน้นเนื้อปลาเอาน้ำแบบขลุกขลิกๆ รสจัดมาก

ยำตะไคร้ 90 บาท อีกเมนูที่เครื่องแน่นมากเหมาะแก่การเป็นกับแกล้มสุดๆ 

สลัดผัก 85 บาท เป็นอีกเมนูที่เราทานอยู่คนเดียวเกือบหมดคือน้ำสลัดอร่อยดีค่ะ

ขาหมูทอดหลานตาชู 320 บาท เมนูที่ทานไม่ทันเพื่อนแป๊บเดียวหมด

น้ำพริก 100 บาท อันนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นน้ำพริกอะไรแทบไม่ได้ชิมเลยเมนูนี้ กินแต่ผักอย่างเดียว ฮาา เพราะผักแต่ละอย่างน่ากินไปหมด

ของหวานปิดท้ายด้วย ลูกชกเชื่อม 30 บาท เป็นอะไรที่หาทานยากมากหนึ่งต้นมีลูกได้แค่ครั้งเดียว เป็นเมนูขึ้นชื่อแถบ พังงา ภูเก็ต แต่ที่ร้านหลานตาชูมีให้ชิมด้วย
ขนมลูกตาล 60 บาท อร่อยมากกก ก ไก่ ล้านตัว นี่แทบจะกินคนเดียวหมดเลยค่ะ หวานละมุน กลมกล่อมก่อนกลับซื้อของฝากจากทางร้านได้นะคะ มีทั้งเค้กหลานตาชู และขนมอื่นๆ อีกเยอะเลย

ร้านหลานตาชู เป็นร้านอาหารที่ราคาไม่แพงเลยค่ะเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ ประทับใจร้านนี้มากๆ ค่ะ
ร้านมีสองสาขาคือ สาขาในเมือง และควนขนุน
เปิดให้บริการ  10.00 – 22.00 น.
เบอร์โทรศัพท์ : สาขาควนขนุน : 074-681-658 / 081-957-6428 
สาขาในเมือง : 074-617-988 / 088-792-2787 
Facebook : https://www.facebook.com/larntachu/

DAY 3
วันสุดท้ายที่พัทลุง

สิ่งที่ทำให้เรารู้จักพัทลุงนอกจากบัวแดงทะเลน้อย นั่นก็คือภาพ ยอยักษ์ ปากประ ท่ามกลางแสงสีทอง เรียกร้อยให้เรามาเห็นด้วยตา

เรามีนัดกับลุงคนเดิมตอนตี 5 ครึ่ง ใช้เวลาไม่นานก็พาเรามาสู่ดินแดนแห่งยอยักษ์ สีสันของท้องฟ้าไล่เฉดประหนึ่งจิตรกรมาละเลงสีเล่น แม้ว่าพระอาทิตย์ไม่โผล่มาเห็นดวงโตๆ ลอดยอยักษ์แต่นี่ก็เป็นอีกความประทับใจที่เราได้มาเห็นด้วยตาว่าสวยงามแค่ไหน ขากลับได้แวะไปเก็บภาพบัวแดงอีกครั้ง

นี่คือที่พักของเราในทริปนี้ค่ะ ได้เห็นกันชัดๆ สักที เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ประกอบไปด้วยบ้านพักจำนวน 6 หลัง ได้แก่ 
      1.บ้านทับแค (4 ห้อง พักได้ 16 คน)
      2.บ้านอีโก้ง (2 ห้อง พักได้ 14 คน)
      3.บ้านอีล้ำ (4 ห้อง พักได้ 16 คน)
      4.บ้านกาบบัว (พักได้ 48 คน)
      5.บ้านนางนวล (VIP)
      6.บ้านเป็ดแดง (VIP) 
สามารถจองผ่านเว็บไซต์ของอุทยานแห่งชาติ หรือโทรศัพท์ 0 7468 5230

ขนมจีนปากแพรก

เช้านี้เราไปทานขนมจีนกันค่ะ

ร้านขนมจีนที่อยู่ตรงปากแพรกหรือสามแยกพอดี มีน้ำยาให้เลือก 3 แบบ วางเป็นหม้อให้แบบนี้หยิบขนมจีนมาเติมน้ำยาได้เองตามใจชอบค่ะ

ไก่ทอดก็ทอดร้อนๆ โรยด้วยหอมเจียว อ๊ากกกกหิวเลยค่ะ

หมูปิ้งก็มี ไก่ทอดก็เด็ด ส่วนขนมจีนสำหรับเรายังเฉยๆ น้ำยายังไม่โดนใจเท่าไรอร่อยแค่ไหนถามเมลลี่ดูค่ะ คุณพ่อนี่หมดไปหลายชาม

ออกจากร้านขมมจีนไปที่ โรงคั่วบ้านป่า Gong Coffee  ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์
ที่นี่เก๋ตรงที่ให้ลูกค้าได้นั่งคั่วกาแฟด้วยตัวเองท่ามกลางบรรยากาศที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ หรือจะไปนั่งด้านในก็มีความฮิปอยู่เหมือนกัน

กาแฟที่ใช้เป็นเมล็ดกาแฟโรบัสต้าจากไทยนี่แหละค่ะ คั่วเพลินๆ ส่งกลิ่นเย้ายวนใจจากนั้นก็นั่งดื่มกาแฟชมธรรมชาติ จะไปนอนชิลล์บนเปลก็มีด้วยนะปกติทุกคนอาจจะคุ้นเคยกับการจิบกาแฟทานเค้ก แต่ที่นี่จิบกาแฟ กับหมั่นโถวทอด และขนมไทย อร่อยมากกกก จำชื่อไม่ได้แล้วว่าขนมอะไร 

ใครไปไม่ถูกโทรไปสอบถาม 081 0824387 ร้านปิดทุกวันจันทร์ค่ะ
Facebook :โรงคั่วบ้านป่า

ถ้ำพุทธโคดม

เที่ยว กิน กันเยอะแล้ว ไปสายบุญกันบ้างนะคะ อยู่ในอำเภอศรีนครินทร์ ไม่ไกลจากร้านกาแฟบ้านป่า
ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยเป็นเกร็ดแก้วแวววาวสวยงาม มีชั้นดินที่เกิดจากน้ำกัดเซาะไล่ระดับ น่าอัศจรรย์ มีความเป็นธรรมชาติ เป็นถ้ำโอ่โถงกว้างขวางเงียบสงัด อยู่บริเวณเทือกเขาบรรทัด เส้นทางสายพัทลุง-ตรัง หรือถนนเขาพับผ้า  เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติ รักการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีสำนักวิปัสนา เนื่องจากภายในถ้ำได้ปรับปรุงเป็นสถานที่ทำสมาธิ มีพระพุทธรูปหลายองค์ประดิษสถาน

สะพานประวัติศาสตร์ 

เก่ากว่าสะพานที่ปายก็สะพานประวัติศาสตร์พัทลุงนี่แหละค่ะ สร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 บนเพชรเกษม ช่วงพัทลุง-ตรัง
สะพานแห่งนี้ เป็นสะพานที่สร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2483 โดยใช้แรงงานเชลยศึกพันธมิตร ทั้ง จีน ญวน ชวา มลายู และไทย เพื่อข้ามคลองอีโสเชื่อมโยงเส้นทางการคมนาคมระหว่างภาคใต้ตอนบน กับภาคใต้ตอนล่าง โดยผ่านเขาพับผ้าไปยังจังหวัดตรัง กระบี่ พังงา ภูเก็ต และจังหวัดในภาคใต้ตอนบนทั้งหมด

ปัจจุบันสะพานแห่งนี้ชาวบ้านยังใช้สัญจรไปมาอยู่ค่ะ

ร้อนๆ แบบนี้ต้องดื่มน้ำอัญชันมะนาว เย็นชื่นใจใครเจอวางขายที่ไหนแนะนำให้ซื้อเลยค่ะดีมาก
ถ้ำสุมะโน

ถ้ำนี้ทำให้เราอยากไปปฎิบัติธรรมที่นี่เลยค่ะ
ชื่อถ้ำมาจากชื่อพระอาจารย์ที่ค้นพบถ้ำแห่งนี้ คือพระอาจารย์เดช สุมโน พื้นที่ถ้ำมีเนื้อที่ 500 ไร่ ครอบคลุมเขาสองลูก

ภายในถ้ำจะมีชื่อเรียก เช่นบริเวณนี้เรียกว่า ปราสาทนพดารา

ภายในถ้ำเย็นสบายมากเหมาะแก่การนั่งสมาธิ ปฏิธรรมมากเลยค่ะ

ปิดท้ายทริปนี้ที่ น้ำตกเขาคราม อยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาปู่ – เขาย่า ตำบลบ้านนา อำเภอศรีนครินทร์ จังหวัด พัทลุง ต้นน้ำเกิดจาก เทือกเขาบรรทัด 

น้ำตกเขาคราม มีจำนวนชั้น 9 ชั้น และมีความสูงประมาณ 700 เมตร มีหน้าผาหินสวยงาม ผาหินลาดกว้าง ในลำธารมีฝูงปลาโสด ปลาหวด ปลาโทง ปลาแก้มช้ำ มาแหวกว่ายวนเวียนอยู่ เป็นจำนวนมาก โดยน้ำตกอยู่ห่างจากตัวเมืองพัทลุง ไปตามทางหลวงหมายเลข 4 ถึงบ้านต้นไทรระยะทาง 25 กม. มีทางแยกตามถนนสายต้นไทรประมาณ 3 กม. ถึงบ้านเขาคราม มีถนน ถึงน้ำตกอีกประมาณ 3 กม. ก็ถึงน้ำตกเขาคราม 

พัทลุงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวรอให้เพื่อนๆ ไปสัมผัสอีกเยอะเลยค่ะ นี่แค่ส่วนหนึ่งใน 3 วัน 2 คืน เท่านั้นเอง หากมีเวลาครอบครัวของเราจะกลับไปที่นี่อีกแน่นอนค่ะ

สวัสดีพัทลุง แล้วพบกันใหม่

teawbebgru

เราก็แค่ครอบครัวที่รักการเดินทาง ดีใจที่ได้พาลูกท่องโลกกว้างด้วยกัน ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเรื่องเล่าของเรานะคะ ^^ติดต่องาน E-mail : [email protected]

ใส่ความเห็น