ชื่นใจไทยแลนด์ เที่ยววิถีชุมชนคนปลายบาง นนทบุรี

 

เที่ยวแบบกรู พาไปท่องเที่ยวเชิงนิเวศและวัฒนธรรม วิถีชุมชนคนปลายบาง อ.บางกรวย จังหวัดนนทบุรี ไปชมวิถีชาวชาวคลอง ล่องเรือไหว้พระ ชิมผลไม้อินทรีย์ อร่อยดีเก็บสดจากสวน เที่ยวตลาดน้ำ สถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่ไม่ควรมองข้าม 

ทริปนี้แม่ไข่ฉายเดี่ยวจะพาไปเที่ยวนนทบุรีกับรายการ “ชื่นใจไทยแลนด์” ช่องอมรินทร์ทีวี HD34 ชวนแม่ไข่ไป เที่ยววิถีชุมชนคนปลายบาง กันค่ะ สถานที่ที่ไม่คุ้นหูนัก แต่ถ้าบอกว่าอยู่แถวบางกรวยก็ร้องอ๋อกันเลยเพราะอยู่ห่างจากบ้านไม่เท่าไรนัก 

จุดเริ่มต้นของการเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้ เราจะเริ่มกันที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวท่าเรือกำนันเชาว์ค่ะ ซึ่งการเดินทางมาที่นี่ สามารถใช้เส้นทางได้ทั้งจากถนนราชพฤกษ์  และถนนกาญจนาภิเษกค่ะ โดยสามารถตั้ง GPS   มาที่ “ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวท่าเรือกำนันเชาว์” โดยจุดแรกที่เราจะเห็นก็คือ แผนท่องเที่ยว และข้อมูลสถานที่ต่างๆในเส้นทางการท่องเที่ยวที่ทางชุมชนจัดขึ้นภายใต้ชื่อ “การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์และวัฒนธรรม วิถีชุมชนคนปลายบางค่ะ” โดยคลองสายแรกที่เราจะล่องไปนั้นคือคลองมหาสวัสดิ์ค่ะ

เปิด GPS พามาจุดนี้ค่ะ เจอคุณยายพอดี คุณยายบอกว่า
“มาถูกแล้วหลาน” เป็นอันว่าสบายใจ

ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ และวัฒนธรรม วิถีชุมชนคนปลายบาง มีสเน่ห์ตรงที่เราจะเที่ยวกันทางเรือค่ะ โดยเริ่มที่ท่าเรือกำนันเชาวน์ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวมีด้วยกันหลายแห่ง เช่น ศาลเจ้าแม่ทับทิม สวนสมุนไพร วัดส้มเกลี้ยง ตลาดน้ำวัดตะเคียน สวนเกษตรลัดดาวัลย์ 

แนะนำให้ไปเริ่มต้นสัก 7-8 โมงเช้า อากาศกำลังดีค่ะ

นั่งเรือไป ชมวิถีชีวิตริมสองฝั่งคลองที่เหมือนย้อนไปสมัยโบราณ เราเองเป็นคนชอบบ้านริมน้ำ เพราะรู้สึกการนั่งมองอะไรเย็นๆ สบายตา ทำให้เราสบายใจไปด้วย

เรือแล่นออกจากท่าเรือบ้านกำนันเชาวน์ไม่นานเราก็ถึงสถานที่แรกของทริปนี้


ศาลเจ้าแม่ทับทิม

ศาลเจ้าแม่ทับทิมริมคลองมหาสวัสดิ์นี้ ผู้ใหญ่รวมผู้ดูแลที่นี่บอกว่า อายุ 100 กว่าปีแล้วค่ะ ซึ่งลักษณะของศาลเจ้าจะเป็นสร้างด้วยไม้กว่า 90% ส่วนของหลังคาเป็นกระเบื้องดินเผาค่ะ ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับการปรับปรุงซ่อมแซม หลังจากเสียหายเป็นอย่างมากเมื่อครั้งน้ำท่วมเมื่อปี 2554

ภายในมีรูปปั้น “เจ้าแม่จุ้ยป่วยเนี้ยว” ที่แปลว่า เจ้าแม่ชายน้ำ ซึ่งเป็นเทพธิดาที่ได้รับความเคารพนับถือจากชาวเรือและชาวประมงเป็นอย่างยิ่ง โดยถือกันว่าเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่คอยคุ้มครองผู้เดินทางทางเรือ และที่มาของศาลแห่งนี้นั้นสืบเนื่องมาจากในอดีต เมืองนนทบุรีถือได้ว่าเป็นเมืองท่าและชุมทางค้าขายทางเรือที่สำคัญแห่งหนึ่งนั่นเองค่ะ

วัดส้มเกลี้ยง

วัดส้มเกลี้ยง วัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ที่ ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี วัดส้มเกลี้ยงนั้นสามารถเดินทางมาได้ทั้งทางรถและทางเรือนะคะ แต่การมาทางเรือจะทำให้เราได้รู้สึกถึงบรรยากาศของการเดินทางมาวัดของผู้คนในอดีตที่ใช้เรือในการสัญจรเป็นหลักค่ะ ซึ่งสิ่งแรกที่โดดเด่นมากๆเมื่อเรามาถึงบริเวณท่าน้ำวัดส้มเกลี้ยง คือสะพานข้ามคลองวัดส้มเกลี้ยงค่ะ

วัดส้มเกลี้ยง บางคูเวียงนี้ ไม่มีที่มาแน่ชัดว่ามีการสร้างขั้นในสมัยใดค่ะ แต่สิ่งหนึ่งที่แสดงถึงความเก่าแก่ของวัดนอกจากสะพานไม้แล้ว ศาลาไม้ที่เรียงรายกันอยู่หลายหลังบริเวณริมน้ำ ซึ่งมีทั้งแบบที่เป็นก่ออิฐถือปูน และแบบที่สร้างด้วยไม้หลังคากระเบื้องว่าว ก็บอกได้ชัดเจนว่าอายุของวัดนี้น่าจะมากกว่าร้อยปีค่ะ สมัยก่อนชาวบ้านเวลามาทำบุญก็จะใช้เรือในการเดินทางสัญจรเพื่อมาขึ้นยังท่าน้ำวัด นอกจากนั้นยังใช้หลบแดดหลบฝน หรือว่านั่งรอเรือสำหรับเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เนื่องจากสมัยก่อนยังไม่มีถนนเข้าถึงค่ะ 

 อีกหนึ่งอย่างที่มีความเก่าแก่และหาชมได้ยากก็คือ หอระฆังเก่าอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี ซึ่ง เสาและโครงสร้างทำด้วยไม้ หลังคามุงกระเบื้องดินเผาค่ะ

และอีกหนึ่งความสวยงามของวัดส้มเกลี้ยงก็คือวิหารหลังนี้ค่ะ ที่แต่เดิมสร้างด้วยอิฐค่ะต่อมาเกิดการทรุดโทรมทำให้สะพานและหลังคาพังทลายลงมาจึงได้มีการบรูณะซ่อมแซมใหม่ในปี 2558

สวยงามมากเลยค่ะ น่าเสียดายที่ด้านในยังปฎิสังขรอยู่เลยไม่ได้เก็บภาพมาให้ชมกัน


ตลาดน้ำวัดตะเคียน


วัดตะเคียน มีความโดดเด่นตั้งแต่ด้านหน้าก่อนเข้าตลาดกับจุดที่ใครมาต้องถ่ายรูปโดยเฉพาะเด็กชอบมากเมื่อได้เห็นหุ่นยนต์ยอดมนุษย์ตัวใหญ่มุมนี้

ตลาดนำ้วัดตะเคียน เปิดอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2552 คุณพระ! ทำไมไม่เคยรู้และไม่เคยไปมาก่อนบรรยากาศคึกคักเชียวค่ะ

พ่อค้า แม่ค้า ต่างก็พายเรือมาเทียบท่า 

มีทั้ง ผัก ผลไม้ ขนม อาหารน่าทานทั้งเลยค่ะ 

ร้านเด็ดร้านดังก็จะมี ก๋วยจั๊บ โกอ้วนเป็ดพะโล้ ขนมผักกาด

อย่าลืมไปจิบกาแฟคุณลุงหน้านิ่ง แต่ที่จริงใจดีมาก ชื่อลุงเต็ง เป็นซิกเนเจอร์ของตลาด ขายแก้วละ 12 บาท คนต่อคิวยาวมากกก

อีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลต์เมื่อไปวัดตะเคียนต้องทำ คือการลอดโบสถ์ เสือ มังกร

ด้านในอากาศเย็นสบาย 

มีหลวงพ่อคอยให้ศีล ให้พร 

 

วัดศรีเรืองบุญ


วัดศรีเรืองบุญนี้ เป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ ต.ปลายบาง อ.บางกรวย จ.นนทุบรีค่ะ วัดแห่งนี้เป็นที่เคารพนับถือของคนในชุมชน และพื้นที่ใกล้เคียงค่ะ โดยเฉพาะในวันพระหรือวันสำคัญทางศาสนา ช่วงเช้าๆเราจะได้เห็นบรรยากาศของชาวบ้านในชุมชนพายเรือมาทำบุญกันอย่างไม่ขาดสายค่ะ 

ที่เซอร์ไพรส์สำหรับเรามากๆ คงจะเป็นศาลาจอดเรือสมัยโบราณอายุเกือบร้อยปี สร้างขึ้นโดยคุณตาเปลือนและคุณยายเสม ลองหลับตาแล้วนึกภาพตามนะคะ สมัยก่อนที่นี่จะเป็นจุดจอดพักเรือของชาวบ้าน ไว้หลบแดด หลบฝน หรือจะพักค้างแรมก็ได้

ยืนมองศาลาเพื่อนๆ สักพักได้ยินเสียง
“กล้วยป้ิงจ้าาาามาแต่ไกล”

จัดมาสิคะ ไม่เคยซื้อกล้วยปิ้งบนเรือแบบนี้มาก่อนเลยมันเพิ่มความอร่อยยิ่งขึ้นก็เพราะเหตุนี้นี่แหละ

เข้าไปในวัดอีกครั้ง นอกจากเราจะเห็นอุโบสถที่สวยงามแล้ว


ภายในพระอุโบสถของวัดยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลองซึ่งเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามากราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วยค่ะ

วัดศรีเรืองบุญ ยังมีหลวงพ่อกลางสวนที่ชาวบ้านมักจะมาไหว้พระขอพรกันเป็นประจำตั้งอยู่ด้านนี้ค่ะ

นอกจากนั้นยังมีพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมของเก่าที่อยู่ภายในวัดมาจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันด้วยค่ะ

ใครอ่านถึงตรงนี้แล้วมีเครื่องใช้แต่โบราณอยากนำไปมอบให้วัดเพื่อจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ทางวัดก็ยินดีรับนะคะ

 

วัดโบสถ์บน

วัดโบสถ์บน ตั้งอยู่ที่ ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โดยพระอุโบสถหลังเดิมนั้นสร้างเป็นทรงไทยแอ่นท้องช้าง เรือสำเภา ฝาผนังฉาบปูนเรียบ หน้าต่างลงรักปิดทองประดับเป็นลวดลาย  รอบพระอุโบสถมีใบเสมาโบราณจำนวน 8 ใบ รายล้อมอยู่โดยรอบค่ะ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อปี 2544  ปัจจุบันพระอุโบสถหลังนี้ มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “โบสถ์บรรลุธรรม”

ด้านในความสวยงามเหมือนฉากในละครจักรๆ วงศ์ๆ ที่คุ้นเคยเลยค่ะ

วัดโบสถ์มีตลาดน้ำเช่นเดียวกัน แต่ของขายไม่เยอะเท่าตลาดน้ำวัดตะเคียน


บ้านโบราณร้อยปี

บ้านโบราณหลังนี้เป็นของพี่วันชัยกับคุณแม่ค่ะ

มีหมวกโบราณแขวนไว้ตามเสา

เปลรับลมเย็นสบาย เผลอหลับไปจริงๆ เลยค่ะ

ที่บ้านโบราณหลังนี้นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้เห็นบรรยากาศของบ้านไม้และฝีมือช่างที่เก่ามากๆของคนสมัยก่อนแล้ว ยังได้เห็นข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่เคยใช้งานจริงในอดีตที่คุณยายแขกเก็บสะสมไว้ในสภาพที่สมบูรณ์มากๆให้คุณรุ่นหลังได้มาเยี่ยมชมค่ะ

เราสองคนขอไปแปลงร่างเป็นสาวชาวสวนก่อนนะคะ ไม่ได้จะใส่ไปประกวดธิดาชาวสวนแต่อย่างใด

แต่เพื่อการนี้นี่เอง เอ๊ะ! นั่นอะไรกันสวยและหอมมาก

อีกสิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจะได้ลงมือทำก็คือ กิจกรรมการทำพวงมะโหตร และการพับดอกไม้จากใบเตยค่ะ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่อยู่โปรแกรมการท่องเที่ยวของเราค่ะ

ทำไม่ยากเลยค่ะ สวยงามนำไปเป็นของฝาก ให้ญาติผู้ใหญ่ ไหว้พระ หรือไว้ในห้องนอน ห้องน้ำก็หอมมากเลยค่ะ 

นอกจากใบเตยแล้วเรายังได้เรียนรู้การทำพวงมโหตร ซึ่งเป็นพวงที่ใช้ห้อยประดับประดาทั้งในงานมงคล และงานอวมงคลด้วยค่ะ

วิธีทำก็ไม่ยากเลยค่ะ เลือกกระดาษ วาดแบบ ตัด แล้วคลี่ออกมา

แบบนี้นี่เอง

ใครบอกกิจกรรมที่บ้านโบราณมีเท่านี้ถ้ายังไม่ได้ชมขนมเบื้องโบราณของคุณยายแอ๋วเด็ดมากอร่อยสุดใจเห็นภาพแล้วอยากจะกินตอนนี้อีก

กิจกรรมการเรียนทำอาหารนี้ นักท่องเที่ยวต้องแจ้งล่วงหน้าว่าอยากจะทำลองทำอาหารด้วยซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายต่างหากค่ะ (ไม่รวมในแพคเก็จ) วันนี้คุณยายแอ๋วแม่ค้าขนมเบื้องที่มารวมกับกิจกรรมของชุมชน จะเป็นผู้มาสอนเราทำขนมเบื้องญวน

หน้าตาก็จะดูดี๊ดูดีประมาณนี้

แต่งหน้าสักหน่อย ทานพร้อมน้ำจิ้มอร่อยเหาะ


สวนเกษตรลัดดาวัลย์

หลังจากที่ได้พาเพื่อนๆ ได้ไปทั้งไหว้ และได้เห็นสถานที่สำคัญๆต่างๆในพื้นที่ของ ต.ปลายบางกันไปแล้ว ทริปของเรายังไม่หมดแค่นี้นะคะ ซึ่งสถานที่ไปก็คือบ้านสวนริมคลองของป้าอ๋อยนี่แหละค่ะ

บ้านสวนป้าอ๋อย หรือสวนเกษตรลัดดาวัลย์ ปลูกพืชหลายอย่างมากเลยค่ะ เช่น กล้วยน้ำไท (กล้วยที่ชื่อเหมือนโรงพยาบาลเราก็เพิ่งเคยเห็น)

มะเฟือง

ละมุด

บริเวณนี้คืออุปกรณ์ในการดำรงชีพได้ เช่น อุปกรณ์จับปลา พาเด็กๆ ไปเรียนรู้ที่นี่ดีมากเลยค่ะ เสียดายรอบนี้เมลลี่ไม่ได้ไปด้วยมากๆ 

ตรงนี้เป็นบ้านของชันโรง ที่ป้าอ๋อยเลี้ยงไว้เยอะเลยค่ะ ชันโรง เป็นแมลงขนาดเล็กที่มีพฤติกรรมเก็บน้ำหวานจากดอกไม้ และ ละอองเกสร มาใช้เป็นอาหารคล้ายผึ้งแต่ชันโรงไม่มีเหล็กใน จึงไม่สามารถ ต่อยได้

ส่วนฝั่งนี้เป็นมูลไส้เดือนค่ะ

ทริปนี้หากใครซื้อแพคเก็จท่องเที่ยวก็จะได้มาแวะทานอาหารเที่ยงที่บ้านป้าอ๋อย มานั่งรับลมที่ศาลาริมน้ำเย็นสบายมาก

ทีเด็ดที่ป้าอ๋อยนำเสนอ นั่นก็คือ เมี่ยงคำ และน้ำสมุนไพรเย็นๆ

เราเพิ่งได้ลองเมี่ยงคำใบทองหลางก็ที่นี่เลยค่ะเป็นครั้งแรก รสชาติอร่อยกว่าใบชะพลูอีก

เลี้ยวเพลินแก้มตุ่ยเลยนะพี่โน ^^

อาหารที่เราเซอร์ไพรส์มากๆ ไม่คิดว่านำมาทอดจะอร่อยขนาดนี้นั่นก็คือ 

หัวปลีทอด ยังคงติดใจและพยายามกลับมาทำเองบ้างแต่ไม่รอด 55 คิดถึงป้าอ๋อยเลย

ลูกชิ้นปลากรายที่อร่อยมาก

ขนมจีนน้ำยาที่เด็ดไม่แพ้กัน

อย่าลืมเผื่อท้องไว้ทานกล้วยบวชชีด้วยด้วย 

ปิดท้ายความสนุกด้วยการนวดผ่อนคลายริมน้ำ โอ๊ยยยตายแล้วววอะไรจะเพลิดเพลินและมีความสุขเพียงนี้

ใครอยากไปตามรอยท่องเที่ยววิถีชุมชนทางเรือแบบนี้ ราคาอยู่ที่คนละ 990  บาท สถานที่ตามแต่ตกลงว่าอยากแวะที่ไหน หรือทำกิจกรรมอะไรบ้าง หรืออยากจะจัดทริปไหว้พระ 9  วัด ที่ชุมชนก็มีวัดหลายแห่งเลยค่ะ

การท่องเที่ยวโดยชุมชนปลายบาง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 
0851-474741
0898-160806

teawbebgru

เราก็แค่ครอบครัวที่รักการเดินทาง ดีใจที่ได้พาลูกท่องโลกกว้างด้วยกัน ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเรื่องเล่าของเรานะคะ ^^ติดต่องาน E-mail : [email protected]

ใส่ความเห็น