เรื่องเล่าจากไร่ชาลุงเดช
เคยไปเที่ยวแบบไร้แพลนบ้างมั้ย?
เคยไปเที่ยวแบบไปคนเดียวบ้างหรือเปล่า?
เราเองตั้งแต่แต่งงานก็แทบไม่ได้เที่ยวคนเดียวอีกแล้ว จนกระทั่งทริปนี้ ทริปที่อยู่ๆ ก็หนีลูกกับสามีไปนอนกระท่อมในไร่ชา…ตามแม่มาจะเล่าให้ฟัง
สมัยยังโสดมีหลายทริปที่เรามักไปคนเดียว ตั้งแต่แต่งงานก็ยังไม่เคยได้ไปเที่ยวคนเดียวอีกเลย (ยกเว้นไปทำงาน) โชคดีที่คุณสามีเข้าใจเราที่สุด บางทีคนเราก็ต้องมีพื้นที่ส่วนตัวบ้างให้ได้คิดอะไรคนเดียวเงียบๆ แม้ว่าคุณจะแต่งงานแล้วก็เถอะ
ทำไมนะเหรอ?
เราไม่รู้จะอธิบายยังไงนะ รู้แต่ว่าการที่ไม่ต้องยึดติดกับใครสักคนจนเกินไป เรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียวให้ได้แม้ในสถานะไหนก็ตามมันคือสัจธรรมของชีวิต
แล้วไม่คิดถึงลูกเหรอ?
คำถามที่มักเจอบ่อยๆ คิดถึงนั่นมันก็คิดนะ แต่เราก็ขอใช้พื้นที่ส่วนตัวแค่ระยะสั้นๆ นั่งมองยอดชา ภูเขา ต้นไม้ หมอกจางๆ แบบไม่ต้องคิดอะไรบ้าง…
เราไม่ได้แพลนว่าจะไปนอนที่ไหน รู้แต่ว่ามีเวลาที่เชียงใหม่หนึ่งคืน ก็นั่งเลื่อนหน้าฟีดไปมานี่แหละ ไปเจอกับไร่ชาลุงเดชเข้าโทรไปจองเช้าวันนั้นทันทีเลยค่ะ ซึ่งไม่ได้ทำการบ้านใดๆ มาก่อนเลยว่าไร่ชาลุงนั้นทางโหดแค่ไหน
ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 78 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เราเช่ายาริส เครื่อง 1200 ซีซี ตอนแรกก็ชิลล์ๆ แต่พอเริ่มใกล้ถึงยิ่งชันไปเรื่อยๆ สนุกสนาน และขาสั่นดีลุ้นว่าจะรอดมั้ย
ถึงแล้วที่นี่ “ไร่ชาลุงเดช”
เนินสุดท้ายชันที่สุดกรี๊ดดดถึงแล้วค่ะ มาถึงตอน 4 โมงครึ่ง อากาศเย็นสบายเลย รู้สึกดีใจมีรถของคนอื่นด้วย
เข้าไปสวัสดีลุงกันค่ะ
วิวดีกว่าที่คิด มุมสวยกว่าที่คาดหวัง มีหลายคนที่ขึ้นมาไร่ลุงเพียงเพื่อมากินข้าวนั่งมองวิวอย่างเช่นคู่นี้
พี่คนสวยที่ทำหน้าที่ดูแลเรื่องการจอง ทำอาหารให้ที่ไร่พาเราไปดูห้อง ลงไปชั้นสองจะมีห้องแถว 4 ห้องค่ะ
ด้านในก็จะมีที่นอนสำหรับ 2 คน
ห้องน้ำเล็กๆส่วนตัวอาบน้ำไม่ได้นะ ไว้ขับถ่ายอย่างเดียว
วิวหน้าห้อง
เดินลงไปชั้นล่างสุด คือลักษณะจะเป็นขั้นบันไดนะคะ บริเวณนี้ไว้สำหรับกางเต็นท์ซึ่งลุงเตรียมไว้ให้ หรือจะเอาไปเองก็ตามสะดวก
แต่ว่าเราจะนอนกระท่อมน้อยหลังนี้ ซึ่งถ้าว่างก็เลือกได้โชคดีว่าว่างหลังนึงค่ะ รู้สึกอุ่นใจที่มีคนนอนข้างๆ
เปิดประตูเข้าไป ผ่าง! มีเตียงนอนสำหรับสองคน แต่เอ๊ะ! นั่นม่านอะไรมุ้งมิ้งเชียวลายเป็ดซะด้วย
แทน แท่น แท้นน ชักโครกจ้า เอาไว้ขับถ่ายตอนกลางคืนนั่นเองจะได้ไม่ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำรวมซึ่งก็เดินไกล
กระท่อมน้อยของเรา ว่าไปก็เริ่มคิดถึงพ่อรอนกะเมลลี่
ทางนี้คือห้องน้ำรวม ไว้อาบน้ำค่ะ
มีเครื่องทำน้ำอุ่นนะ
เราสำรวจที่พักไปแล้วขอไปนั่งชิลล์ๆ ชมวิวบ้างดีกว่า (จริงๆ หอบงานไปทำด้วย) ไร่ลุงมี wifi แรงด้วยนะเออ
พี่คนสวยบอกว่าต้องรีบสั่งอาหารก่อน 6 โมงเย็นนะ เพราะพี่จะกลับบ้านในตัวอำเภอแล้ว จัดไปค่ะ ไข่เจียวยอดชา 69 บาท ถามว่าทำไมต้องมีเศษ ลุงบอกไม่รู้นะ อินดี้มากก 55
ใบชาทอดกรอบ 69 บาท คือเยอะมากกเรากินคนเดียวไม่หมดจริงๆ คิดถึงลูกปั๋วที่สุดก็ตอนกินนี่แหละ
คือแค่วิวก็อิ่มแล้วเอาจริง
ตอนเย็นลุงก็ไปรดต้นชา เราก็ตามไปเก็บภาพนี่ลุงรู้ตัวด้วยนะตอนแรกมีแอบเขิน
ท้องฟ้ายามเย็นซึ่งไร่ลุงจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกนะ
พอความมืดเริ่มปกคลุม จิตต้องแข็ง ใช่! เราต้องไม่เหงา
สุดท้ายคืนนั้นเราก็นั่งทำงานอยู่ตรงนี้ถึงเกือบ 2 ทุ่ม นั่งอยู่คนเดียวนี่แหละ ลุงนอนอยู่ห้องข้างๆ ลุงบอกว่าไม่ต้องกลัวมีอะไรก็ตะโกนเลย ฮา มันคงได้ยินไปทั้งดอย สุดท้ายทนไม่ไหวก็หอบกลับไปนั่งทำงานที่ห้อง อากาศดีมากหลับไปอย่างง่ายดาย
สวัสดีเช้ามืด
เราตื่น ตี 5 กว่าๆ เพื่อมารอหมอก ตอนนั้นไม่มีใครตื่นสักคน จริงๆ คือชวนลุงไปที่โครงการหลวงม่อนเงาะ เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นนะ อยู่ไม่ไกลจากไร่ลุงค่ะแต่ลุงบอกว่าอย่าเสี่ยงไปเลยอากาศ บ่ดีเน้อ หรือจะเอารถเครื่องลุง (มอเตอร์ไซค์) ขับไปคนเดียวก็ได้นะ ไม่กล้าค่ะลุงกลัวหงายหลังตกเขา สุดท้ายก็มาตั้งกล้องถ่ายตัวเองวิ่ไปมา เกือบสะดุดต้นชาล้ม 55 หมอกปกคลุมเต็มพื้นที่
ยอดชาอู่หลง
รู้สึกดีใจมีเพื่อนแล้ว เจอคู่รักคู่หนึ่งขับรถมาจากตัวเมืองตอนเช้ามืดเพื่อมาดูหมอกที่ไร่ชาลุงเดช
ลานตรงนี้ลุงบอกว่าเอาไว้ปาร์ตี้ก็ได้ 55
รอสายๆ หมอกเป็นก้อนถึงมีให้เห็นบ้าง
ลุงพาไปดูต้นชาขาว อายุนับร้อยปีตั้งแต่สมัยพ่อแม่ลุงยังอยู่ ยอดชาขาวนี่แหละค่ะที่นำไปประกอบอาหาร
สำหรับ 2 วัน 1 คืน ระยะเวลาสั้นๆของเรา รู้สึกดีมากๆ อย่างแรกคือลุงน่ารัก ชวนคุยประหนึ่งเราเป็นหลานคนนึง ยังชวนให้อยู่ต่อสักคืนสองคืนด้วยนะ ถ้าไม่มีภาระหน้านี้เราก็ไม่อยากกลับจริงๆ เขียนไปก็คิดถึงที่นี่
ราคา
บ้านพักหลังละ 500 บาทต่อคืนนอนได้ 2 คน ไม่มีอาหารเช้าและอาหารเย็นสั่งเอาเด้อ
เต็นท์ : หลังละ 250 บาท นอนได้ 2 คน
ไปคนเดียวก็จ่ายราคาเต็มคนเดียว
ไร่ชาลุงเดช
ที่ตั้ง : ตำบล เมืองก๋าย อำเภอ แม่แตง เชียงใหม่
เบอร์โทรศัพท์ : 081 163 3765
Facebook : https://www.facebook.com/lungdechteafarm/