ทริปเดียวพาลูกเที่ยวสองประเทศ มาเลเซีย X สิงคโปร์ ใครขี้เกียจแพลนไม่รู้จะวางแผนยังไงรีวิวนี้คือคำตอบสำหรับทุกบ้าน
บ้านไหนกำลังมองหาสถานที่พาลูกเที่ยวช่วงปิดเทอมที่ใกล้จะมาถึง หรือจริงๆ ไม่ต้องรอปิดเทอมก็ได้เพราะ มาเลเซีย กับ สิงคโปร์ 2 ประเทศนี้เที่ยวง่าย พกพาสปอร์ตใบเดียวก็เที่ยวได้ แถมเดินทางไม่นาน มีเวลาแค่ 3 วัน 2 คืนก็ไปได้แล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับเด็กเยอะมากเลยค่ะ ทริปนี้เราจัดทริปไปเที่ยวมาเลเซีย เมืองยะโฮร์บาห์รู เมืองแห่งสวนสนุกสำหรับเด็ก หลังจากนั้นก็นั่งรถข้ามฝั่งไปสิงคโปร์
ราคาสำหรับทริปนี้บ้านเราหมดเงินไปทั้งสิ้น
– ค่าที่พัก 9,353 บาท
– ค่าตั๋วเครื่องเล่น 13,000 บาท
– ค่าอาหารและค่าเดินทางภายในประเทศ 12,000 บาท
(ใช้รถเมล์ MRT และ Grab สะดวกมากเราแอบใช้ Grab เยอะด้วยราคาเลยพุ่ง)
รวม 34,353 บาท หาร 3 ตก คนละ 11,452 บาท (ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน)
สำหรับตั๋วเครื่องบินอยากได้ราคาดี โปรโมชั่นมีบ่อยๆ
กดจองที่ AirAsia https://www.airasia.com
ขาไปเลือก ดอนเมือง – ยะโฮร์บาห์รู ให้บริการวันละ 2 เที่ยวบิน
ขากลับเลือก สิงคโปร์ – ดอนเมือง ให้บริการวันละ 5 เที่ยวบิน
**มีโปรโมชั่นอยู่เรื่อยๆ เราเคยสอยได้ถูกสุดเที่ยวละพันกว่าบาทเอง กดจองเลย!!
** ถ้าเพื่อนๆ ไปแค่ 3 วัน 2 คืน ก็จะถูกกว่านี้มากๆ หรือ จะไปเวลาเท่ากันแต่ไม่ไปทุกที่เหมือนเราก็จะลดราคาค่าตั๋วไปอีกค่ะ
มาๆ จัดทริปให้ค่ะลอกได้เลย หรือจะปรับเปลี่ยนตามเหมาะสมก็จัดได้เลย
Day 1
12.00 : FD 510 Don Mueang
15.15 : Senai International
14.00 : Hotel Holi Afiniti Themed Suite
17.00 : Johor Premium Outlets
Day 2
10.00 : LEGOLAND
16.00 : Jalan Dhoby
Day 3
10.00 : Kitty Town & Thomas Town
16.00 : Singapore (Santa Grand Hotel Bugis)
17.00 : Marina Barrage
20.00 : Wonder Full-Light & Water
Day 4
09.00 : Fort Canning Park
11.00 : Art Science Museum
14.00 : Gardens by the Bay (Cloud Forest & Flower Dome) + OCBC Skyway
Day 5
08.30 : Singapore Zoo + River Safari
13.00 : S.E.A Aquarium
15.00 : Merlion Park
16.00 :Jewel Changi Airport
20.40 : FD 350
22.05 : Don Mueang
รู้จักยะโฮร์บาห์รู?
เป็นเมืองหลวงของรัฐยะโฮร์ ทั้งเป็นเมืองใหญ่อันดับที่สองของประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ทางใต้สุดของคาบสมุทรมลายู เมืองที่รู้จักกันในนาม “ตันจุงปูเตรี” เชื่อมต่อยะโฮร์บาห์รูกับศูนย์กลางการท่องเที่ยวในเมืองและรัฐของสิงคโปร์ที่อยู่ใกล้เคียง นอกจากนี้หนึ่งในศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
ยะโฮร์บาห์รูเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวที่สำคัญสำหรับภาคใต้ของมาเลเซีย เนื่องจากประชากรจำนวนมากอาศัยอยู่ที่นี่เมืองนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการพัฒนาสามเหลี่ยมเศรษฐกิจสิงคโปร์-โยโฮร์-เรียว ที่มีการเติบโตสูงที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
__________________________
DAY 1
ได้เวลาออกเดินทาง!!
ขาไปที่เมืองยะโฮร์บาห์รู ประเทศมาเลเซีย เที่ยวบิน FD 510 ให้บริการวันละ 2 เที่ยวบิน เราเลือกเวลา 12.00 น. ถึงยะโฮร์บาห์รู เวลา 15.15 น. เวลาที่มาเลเซียเดินเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง
เหมือนเดิมเลยเมลลี่รู้งานที่สุดขึ้นปุ๊บคาดเข็มขัดปั๊บ พร้อมกับหยิบคู่มือมาอ่าน เมลลี่บอกว่า “นั่งสบายมากเลยค่ะ หนูชอบ”
เผลอพักสายตาไปแป๊บเดียวอาหารก็พร้อมเสิร์ฟน่ากินทุกเมนูเลย เราสั่งทั้งขาไป ขากลับ เลยรวมมาให้ 4 เมนูค่ะ
2 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงยะโฮร์บาห์รูแล้ว ซึ่งเวลาเดินเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง
Senai International สนามบินแห่งเมืองยะโฮร์บาห์รู ต่อไปนี้แม่ไข่ขอเรียกสั้นๆ ว่า JB นะคะ
จากสนามบิน Senai เมืองยะโฮร์บาห์รู
สามารถขึ้นรถบัสของ Causeway Link สาย JPO2 มาได้เลย ค่ารถผู้ใหญ่ 4.8 RM เด็ก 2 RM เตรียมเงินให้พอดี ไม่มีทอนนะคะ จะขึ้น Taxi หน้าสนามบิน หรือ Grab ก็สะดวกสบายกดได้จากแอปพลิเคชั่นได้เลย ราคาไม่แพง เหมาะกับครอบครัวที่มีลูกแบบเรา
Hotel Holi Afiniti Themed Suite
ที่ LEGOLAND มีทั้งส่วนของโรงแรมด้วยนะ มี 6 ชั้น มีห้องพักให้เลือกน่ารักๆ หลายแบบ ได้แก่ ห้อง Pirate , Kingdom , Adventure, Ninjago โรงแรมติดสวนสนุกแบบเปลี่ยนชุดว่ายน้ำจากโรงแรมลงเล่นน้ำได้เลย แต่ว่าด้วยความที่อยากเซฟงบเลยมองหาที่พักใกล้ๆ มาเจอ กับ Hotel Holi Afiniti Themed Suite เป็นคอนโดได้ห้องมินเนียนน่ารักมากกก ห้องใหญ่แบบเตะตะกร้อได้เลยนะเออ ราคา 2 คืน แค่ 3800 เอ๊งงง ตกคืนละไม่ถึง 2,000 บาท ยิ่งหารต่อหัวยิ่งถูกไปอีก
อย่างไรก็ตามต้องกลับไปพัก LEGOLAND ให้ได้ เมลลี่ยังบ่นว่าไม่สุด _ _”
Johor Premium Outlets
ไปถึงโรงแรมพักผ่อนนั่งเล่นให้หายเหนื่อยแป๊บก็ไปช้อปปิ้งเลยจ้า ที่ Johor Premium Outlet ที่นี่มีหลายแบรนด์ให้ช้อปทั้งของเด็ก และผู้ใหญ่ เช่น Prada, VERSACE , Guess
,Adidas , CHAPS , Converse, Gucci, Kipling คือเยอะจนจำไม่หมดนะคะ ลองดูข้อมูลเพิ่มเติมแต่ละร้านได้ที่ https://www.premiumoutlets.com.my/johor-premium-outlets/
ช้อปปิ้งเพลินจนเย็นได้รองเท้ากับเสื้อผ้ามาเยอะอยู่ค่ะ หากใครหิวแนะมีฟู้ดคอร์ทให้บริการราคาสบายกระเป๋าอาหารก็หลากหลาย
ส่องแล้วสรุปให้เลยว่า Nike ราคาดีมากกก ถูกมากครึ่งนึงเลยแกร ยิ่งรองเท้าเด็กนะที่นี่แบบเยอะ อีกแบรนด์คือเสื้อเด็กยี่ห้อ Cotton on ตัวละไม่ถึงร้อยก็มี
_________________________________
DAY 2
LEGOLAND
สัญญากับเมลลี่ไว้ตั้งนานสมใจนางแล้วสินะ ป่ะค่ะลูก! ได้เวลาแห่งความสนุกแล้ว ความโชคดีคือโรงแรมที่เราพักอยู่ใกล้มากแบบเดินข้ามถนนก็ถึงแล้วสำหรับเลโก้แลนด์ให้บริการ Theme Park , Water Park และ Sea Life สามารถซื้อตั๋วแยกได้
ราคาเริ่มต้น ผู้ใหญ่ 95RM เด็ก 74RM
เปิดบริการ : 10.00 – 18.00 น. (บางวันอาจปิดช้า)
ตรวจสอบเวลาได้ที่ https://www.legoland.com.my/planning-your-visit/park-hours/
** ซื้อออนไลน์จากเว็บดีลถูกกว่าเยอะแถมไม่ต้องเข้าคิวด้วยค่ะ แค่แสกนผ่านมือถือก็เข้าไปได้เลย
มาแนะนำโซนต่างๆ ของฝั่งสวนสนุกกันค่ะ ซึ่งมีทั้งหมด 6 โซน ได้แก่ Miniland , Lego City, Land of Adventure, Imagination , Lego Kingdom , Lego Technic จะบอกว่าแค่เล่นให้ครบหมดนี่ก็ปาไปทั้งวันแล้ว ซึ่งเมลลี่ก็เพลินกับทุกโซนเล่นได้หมด อย่างเจ้ารถไฟเหาะที่เด็กๆ เล่นได้ก็เล่นไปตั้ง 2 รอบ หรือรถแข่งน่ารักในรูปนี้ก็หวาดเสียวนะคะ แต่ลูกก็บอกสนุกมาก
Boating School ขับรถแล้วมาขับเรือกันบ้าง
The Shipyard สนามเด็กเล่นปูยางนุ่มๆ ที่เมลลี่เล่นนานมาก
Rescue Academy ภารกิจนักดับเพลิงที่เมลลี่ใฝ่ฝัน จำลองสถานการณ์เหมือนจริง สนุกมากมีพลังเท่าไรใส่ไปให้หมดแถมยังต้องแข่งกับคนอื่นด้วย วิธีการเล่นคือต้องทำการโยกคันบังคับให้รถไปวิ่งไปจุดที่ไฟไหม้ แล้วก็โยกปั๊มให้ทำงาน ฉีดน้ำดับไฟให้หมดแล้วก็โยกกลับไปที่เดิม คุณพ่อ กับเมลลี่บอกว่าสนุกและเหนื่อยมากก
ไปที่ Land of Adventure กันบ้าง
เปลี่ยนบรรยากาศออกจากเมืองเลโก้มาอยู่ที่กลางทะเลทราย กับปิรามิดและฟาโรห์ พร้อมออกเดินทางไปกับอูฐค่ะ ที่นี่คือ Lost Kingdom Adventure
ด้านในก็นั่งรถเพลินๆ ตื่นเต้นเป็นระยะ
NINJAGO The Ride เครื่องเล่นในโซน Land of Adventure ด้านในสนุกตื่นเต้นทีเดียวด้านในเป็น Interactive เราต้องต่อสู้แบบนินจาโดยใช้มือในการปล่อยอาวุธทำร้ายคู่ต่อสู้ ซึ่งหากมีคนอื่นเล่นด้วยในตอนนั้นก็เท่ากับเป็นการแข่งขันกันต่อสู้ไปในตัวค่ะ
เดินเข้าไปในอาณาจักรของเหล่านินจาแวะต่อเลโก้กันก่อน
พร้อมแล้วก็ลุย!
ซึ่งเราจะต้องต่อสู้แบบนินจาโดยใช้เพียงมือเท่านั้น ผลคือครอบครัวเราได้ที่ 1 เฮ่! และคุณแม่ก็ชนะเลิศ!!!
Dino Island อารมณ์เหมือนแกรนด์แคนยอน กลัวเปียกเลยไม่ได้เล่นค่ะ แต่นั่งมองดูคนเล่นก็เพลินนะ มีร้านเบอร์เกอร์อยู่ใกล้ๆ ซื้อมานั่งกินไปดูไปสบายใจดี
Imagination ชอบโซนนี้มาก
Lego Build & Test ยีราฟที่ต่อด้วยเลโก้!! สุดมาก
ไดโนเสาร์เลโก้ ต่อกี่เดือนเสร็จคะ!
อยากดูหนังก็ข้างในเลย
Observation Tower หอคอยที่สามารถชมวิวได้ 360 องศา และพอตกลงมาก็หวาดเสียวมาก
The Great Lego Race เมลลี่ชอบความตื่นเต้นไม่เคยกลัวอะไรแบบนี้เลยค่ะ
เครื่องเล่นนี้จะเป็นการ์ตูน Lego แข่งรถน่ารักๆ เหมือน เครื่อง 4D VR Simulator แต่อันนี้เรานั่งไปจริง เหวี่ยงจริง พุ่งลงมาจริง
แต่ดูคุณพ่อกับเมลลี่สิดูชิลล์มาก
Aquazone Wave Racers ตะลุยยานสีเหลือง ซึ่งต้องบังคับเองอาจจะมีเปียกนิดๆ
Lego Kingdom ปราสาทหลังใหญ่ กับอัศวินในชุดเกราะ และม้าไม้สุดคลาสสิก
Dragon’s Apprentice เครื่องเล่นนี้จะมาทะยานไปในท้องฟ้ากับเจ้ามังกรสีเขียว ใครชอบความเร็ว เหวี่ยงๆ เสียวๆ ต้องเล่นเลย
Royal Joust เด็กๆจะได้แปลงร่างเป็นอัศวินขี่ม้าคู่ใจ ควบไปรอบๆ เมลลี่เล่นตั้ง 2 รอบเลย
Merlin’s Challenge หมุนๆ ไปกับเวทย์มนตร์ของพ่อมด Merlin ใครยังไหวมาเล่นต่อเลย แม่ไม่ไหวแต่ลูกสู้มาก
Lego Star War สาวก Star War ห้ามพลาด ด้านในอลังการมาก
ไปประลองความเร็วจากรถเลโก้ที่เด็กๆ จะได้ต่อแล้วไปแข่งกันค่ะ
ซึ่งเมลลี่ตั้งใจต่อมากๆ
สุดท้ายหล่นลงมาพัง! ฮ่า
MiniLand หรือเมืองจำลองนั่นเอง โดยจะมีสถานที่สำคัญต่างๆจากทั่วโลกที่ต่อจาก Lego มาให้ได้ดูกัน ซึ่งต่อได้ปราณีตน่าทึ่งมาก
จำได้มั้ยนี่วัดอะไรเอ่ย
ปิดท้ายด้วยการนั่ง Lego Express ชิมวิวชิลล์ๆ
เมลลี่บอกยังไม่จบ! ต้องช้อปเลโก้กลับบ้านก่อนค่ะแม่ จริงๆ แล้วราคาที่นี่ไม่ได้ถูกนะคะ เพียงแต่มีแบบให้เลือกเยอะมากละลานตาไปหมด มาถึงแล้วก็จัดสักกล่องละกันค่ะ
จริงๆ ยังลงไม่หมดนะคะ เดี๋ยวจะยาวไป แฮ่ และ LEGOLAND ยังมีโซน Lego Water Park อีกแต่ว่าแค่นี้ก็หมดพลังแล้ว ใครอยากตามรอยฝากเก็บให้หมดด้วยนะคะ ^^
Jalan Dhoby
หากยังไม่หมดแรงจากการเล่นแนะนำให้ไปเดินย่านนี้ มีมุมถ่ายรูปชิคๆ อาหารแบบ local รวมทั้งคาเฟ่เก๋ๆ และแก๊งสาวๆ มาเปิดการแสดงในบางวัน แต่น่าเสียดายวันที่เราไปมีถนนบางเส้นกำลังปรับปรุง ฝุ่นแอบคลุ้งไปหน่อย
แหล่งรวมร้านหลากหลายแนวอารมณ์มานั่งแถวโต้รุ่งบ้านเราเลย ไม่มีภาพประกอบเนื่องจากอิ่มเค้กเลยซื้อกลับโรงแรม
อิ่มก็เดินช้อปต่อได้
DAY 3
Hello Kitty Town
วันสุดท้ายที่ JB เมลลี่ตื่นเต้นอีกวันลุกขึ้นมาใส่ชุดสีชมพู คุณแม่เองก็แบ๊วไปตามลูกด้วย ฮ่า เรามีนัดกันที่คิดตี้ ทาวน์ จากเลโก้แลนด์ ประมาณ 3 ก.ม.เอง นั่งรถเมล์ไปได้ค่ะ Sanrio Hello Kitty Town ตั้งอยู่ในอาคาร Puteri Harbour Family Theme Park ซึ่งที่นี่จะมี 3 ชั้น แยกกันระหว่าง Kitty และ Thomas Tomas Town
ค่าบริการ : เราจองล่วงหน้าผ่านเว็บดีลคนละ 490 บาท รวมเข้า Tomas Town ด้วย
เปิดบริการ : 10.00 – 18.00 น.ปิดวันอังคาร
เราเช็คเอาต์เรียบร้อยเพราะวันนี้จะต้องข้ามไปสิงคโปร์ดังนั้นกระเป๋ามาฝากไว้ที่ล็อคเกอร์ของที่นี่ได้
ชั้น 1 มีคาเฟ่ด้วย อย่าเพิ่งรีบนั่งไปหาคิตตี้ก่อน
ขึ้นบันไดเลื่อนไปก็พบกับสีชมพู
เราไปถึงคนแรกๆ เลยทำให้ได้ถ่ายรูปแบบไม่มีคน
ถ้วยหมุนๆ อารมณ์เหมือนม้าหมุนนั่นแหละค่ะ
ในนี้คือบ้านคิตตี้ซึ่งจัดแสดงห้องแบบต่างๆ
มีกิจกรรมให้เด็กๆ ทำมากมาย เช่น งานศิลปะ งาน Craft แบบเด็กๆ มีการแสดงเป็นรอบๆ โดยรวมก็คุ้มค่าบัตรค่ะ
อย่าลืมเข้าไปในห้องนี้นะคะ ตื่นเต้นทีเดียว
ซึ่งจะมีเวลาเข้าเป็นรอบๆ ก่อนเดินเข้าไปจะได้รับคิตตี้แบบนี้คนละตัว
ซึ่งเราสามารถนำไปเสียบยังจุดต่างๆ แล้วก็จะสามารถเคลื่อนไหวได้
เมลลี่กำลังเอาคิตตี้ไปวางค่ะ แล้วเตาก็ทำงาน
เล่นเหนื่อยก็พักนั่งกินเค้กก่อน
จัดว่าอร่อยเลยนะชิ้นละประมาณ 80-90 บาท
Thomas Town & Friends
ต่อจากนั้นขึ้นไปที่ชั้น 3 จะพบทั้ง Bob, Pingu, Barney และ Angelina ชั้น 4 เราก็จะได้พบกับ Thomas เด็กๆ จะได้นั่งรถไฟ เครื่องบิน และครื่องเล่นต่างๆ รวมทั้งการแสดงบนเวทีที่มีใบประกาศให้ด้วยนะ
ไปเต้นบัลเลต์กับ Angelina
มีใบประกาศให้ด้วยนะ
เครื่องเล่นก็พอกรุบกริบ สนุกสนานอยู่
ครึ่งวันที่ Hello Kitty Town & Thomas Town ได้เวลาไปสิงคโปร์กันแล้ว เรากลับไปขึ้นรถเมล์สาย LM1 ง่ายๆ คือรถจะมีป้ายบอกเลยว่าไปสิงคโปร์ ก็ขึ้นคันนั้นไปลงที่ด่าน Tuas Checkpoint หน้าตาแบบนี้นะ
ลงจากรถเมล์แล้วเดินเข้าไปใน ต.ม.เลย
ออกมาก็มายืนรอรถฝั่งนี้ค่ะโดยที่ไม่ต้องซื้อตั๋วแล้วนะ
รถก็จะวิ่งข้ามสะพานแป๊บเดียว ข้ามประเทศละ ไวเนอะ
ผ่าน ต.ม. มาได้แล้วจะมีรถเมล์ให้บริการ 2 สายคือ สาย Jurong Bird Park กับสาย CHANG ให้เราเสิร์ชว่าเราพักที่ไหนแล้วค่อยเลือกสายรถเมล์ที่จะไปค่ะ ครอบครัวเราพักย่านบูกิสซึ่งเลือกไปลงสาย Jurong แล้วเรียก Grab ต่อไปยังโรงแรมค่ะ
Santa Grand Hotel Bugis
เราเลือกพักย่านบูกิส ค่าโรงแรม 2 คืน จ่ายไป 5,500 บาท จัดว่าทำเลดีมากใกล้ป้ายรถเมล์ ร้านอาหารย่านนั้นเยอะ
ห้องนอนก็ประมาณนี้ ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีระเบียง ดังนั้นหลับไปนี่ไม่รู้เลยว่าเช้าเหมาะแก่การพักผ่อนแบบไม่ต้องรีบลุกไหนมาก
มีระเบียงให้นั่งชิลล์ด้านบนด้วย
สระว่ายน้ำก็มีแต่เราไม่ได้ใช้เลย เมลลี่บ่นเสียดาย
ชอบย่านนี้มีตึกสีๆ ให้ถ่ายรูปด้วย
ความ Street Art ก็มา
ความสวยทะลุเลนส์ก็มี ฮ่า
Marina Barrage
มาถึงสิงคโปร์ก็เย็นแล้ว จะพาไปเล่นว่าว! เดินเล่นชิลล์กันฟรีๆ แบบไม่ต้องควักเงินที่ Marina Barrage มุมพักผ่อนนั่งรับลมเย็นๆ ที่สำคัญคนสิงคโปร์และนักท่องเที่ยวมาเล่นว่าวที่นี่เยอะมากก และตึกก็สร้างได้ล้ำมากรูปร่างแปลกตา ถ่ายรูปแล้วเก๋
อีกฝั่งมีสะพานให้เดินลงไปในทะเลด้วย
นั่งชมพระอาทิตย์ตก วิว Marina Bay Sand Hotel (อยากไปนอนที่นี่สักครั้งจะตั้งใจทำงานมาก ฮ่า)
Marina Bay Sands (Spectra – A Light and Water Show
นั่งเล่นที่ Marina Barrage กันจนมืด แต่ว่าเราต้องรีบไปดูไฟกันต่อรอบ 2 ทุ่ม เดินไปได้ค่ะ คนมารอดูเยอะมาก เรื่องว่าอลังการ สวยงาม ทั้งแสง สี เสียง เมลลี่ตื่นตาตื่นใจสุดๆ โดยโชว์นี้จะจัดแสดงที่บริเวณตึก Marina Bay Sands ชมฟรี! ค่ะ
เวลาแสดง : วันอาทิตย์-พฤหัสบดี เวลา 20.00 น. และ 21.00 น., วันศุกร์-เสาร์ เวลา 20.00น., 21.00 น. และ 22.00 น. ใช้เวลาแสดงรอบละ 15 นาที
การเดินทาง : หากจะไปชมการแสดงไฟที่ตึก Marina Bay Sands นั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานี City Hall จากนั้นให้ข้ามสะพานมายังฝั่ง Merlion ส่วนใครที่อยากชมการแสดงน้ำพุให้นั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานี Bayfront ค่ะ
___________________________
DAY 4
Fort Canning Park
เช้านี้เราตั้งแต่จะตื่นเพื่อไปเดินสวนสาธารณะสุดชิคที่ตั้งใจไปถ่ายรูปตรงนี้มากๆ ในสวนคือมีอะไรให้ดูเยอะเลยนะ อ้อ! ใกล้ๆ สวนมีตึกสีสวยแบบนี้ด้วย
และไฮไลต์คือ อุโมงค์ต้นไม้ ตรงนี้เลยแม่! คนต่อคิวรอถ่ายรูปกันเพียบ! ท่าฮิตก็คือนั่งห้อยขานี่แหละ
แต่ไม่จ๊ะ แม่จะนั่งห้อยขาเฉยๆ ไม่ได้ เราต้องโพสต์ให้โลกจำ!
กำแพงก็เก๋ดีนะ มาถ่ายตรงนี้ก็ได้
ArtScience Museum
อีกหนึ่งสถานที่ที่อยากให้พาลูกไปมากๆ ArtScience Museum พิพิธภัณฑ์เก๋ๆ กับนิทรรศการอินเตอร์แอคทีฟสุดคูล อยู่ภายในอาคารที่รูปทรงล้ำๆ ตั้งอยู่ริมอ่าว Marina Bay แต่ละเดือนก็จะมีนิทรรศการสลับหมุนเวียนกันไป ด้านในจัดแสดง 3 โซน ได้แก่ Wonderland , Future World , Floating Upload ซึ่ง
ราคาบัตรจะขายแยกโซน เริ่มที่ ผู้ใหญ่ $16 เด็ก $12
เราอยากไปโซนนี้ที่สุดเลยเลือกซื้อเฉพาะ Future World ค่ะ ด้านในมีทั้งหมด 19 จุด แบ่งเป็นโซน Nature , Town , Park , Sanctuary และ Space แค่โซนเดียวก็ใช้เวลาหลายชั่วโมงแล้วค่ะเพราะลูกสนุกมาก
Life Survives by the Power of Life
สวยและตื่นตาตื่นใจมาก
Sliding through th Fruit Field สไลเดอร์ที่ลงมาหากโดนผลไม้ก็จะแตกกระจาย
A Table Where Little People Live
Sketch Pision
ห้องเรนโบว์ ที่เด็กๆ จะได้ระบายสีแล้วโชว์ผลงานได้เลย บ้านเราก็เคยเห็นว่ามีแบบนี้นะ
Light Ball ลูกใหญ่เต็มไปหมดเปลี่ยนสีิวิบวับ
จุดสุดท้ายคือ Crystal Universe
แค่โซนเดียวก็เพลินมาก รู้สึกคุ้มเงินที่จ่ายรอบหน้าจะไปเก็บโซนอื่นให้หมดค่ะ แนะนำว่าอยากให้เผื่อเวลาเยอะหน่อยจะได้ให้ลูกเล่นได้เต็มที่
Gardens by the Bay
ไฮไลต์อีกอย่างที่ไปเที่ยวสิงคโปร์ถ้าไปที่นี่เรียกว่าไปไม่ถึงนั่นก็คือ กับการดูไฟบนต้นไม้สุดอลังการในพื้นที่ 600 กว่าไร่ที่เกิดจากการถมทะเลแล้วสร้างขึ้นมา แบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 โซน คือ Bay Center Garden, Bay East Garden และ Bay South Garden
สวนแห่งนี้มีความโดดเด่นหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรม พันธุ์ไม้นาๆ ชนิดจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งพืชทะเลทราย พืชเมืองหนาว พืชที่อยู่บนดอยสูงระดับ 2,000 เมตรจากน้ำทะเล เช่น กุหลาบพันปี มีการทำโดมปรับอากาศเรือนกระจกรูปทรงเปลือกหอยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถึง 2 โดม โดยไม่มีเสาค้ำยันภายในโดม ขนาดใหญ่ 2.2 และ 1.5 เท่าของสนามฟุตบอล
Cloud Forest โดมป่าเมฆ
เรือนกระจกขนาดใหญ่ ที่มีภายในจัดโซนเป็นแบบป่าดิบชื้น ที่มีน้ำตกขนาดยักษ์ ที่สูงถึง 35 เมตรให้ชมตั้งแต่หน้าประตูเลยทีเดียว ซึ่งเป็นน้ำตกในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย อลังการมากกกกในรูปคือดูเฉยๆ อยากให้ไปเห็นของจริงค่ะ
ภายในโดมนี้มีระบบปรับอากาศ อุณหภูมิอยู่ในช่วง 23-25 องศา ความชื้นค่อนข้างสูง 80-90 (RH%) พื้นที่ในโดมมีขนาด 1.5 เท่าของสนามฟุตบอล เล็กกว่าโดมดอกไม้ ยอดภูเขาสูง 35 เมตรจากพื้นดิน รองรับผู้เข้าชมได้ 1,200 คน
ในโดม Cloud Forest จะแบ่งพื้นที่เป็น 9 โซนดังนี้
- Lost World
- Cloud Walk
- The Cavern
- Waterfall View
- Crystal Mountain
- Tree Top Walk
- Earth Check
- +5 Degrees
- Secret Garden
ชั้นบนสุดจัดแสดงพันธุ์ไม้เหมือนอยู่ในโลกภาพยนตร์เลย
มองลงไปชั้นล่างหวาดเสียวมาก
ใครที่กลัวความสูงมีหวาดเสียวนะ
Cloud Walk รูปแบบทางเดินคล้ายรูปหัวใจ
Flower Dome โดมดอกไม้
ทางเข้าไปในโดมเป็นรูปดอกไม้ สีสดใส
ด้านในสำหรับแม่ไข่ก็ไม่ได้ว้าวๆ แต่ก็เออสวยดีเพราะเล่นยกดอกไม้จากทั่วภูมิภาคในโลกนี้มาจัดแสดง เช่น สวนแอฟริกาใต้ สวนออสเตรเลีย สวนเปอร์เซียน แต่แบบคนเยอะหันไปทางไหนก็ไม่รู้จะถ่ายยังไงให้ได้มุมดี ถ้าต้องเลือกคือไปดูป่าเมฆอลังเว่อวังมาก
Supertree Grove
เป็นกลุ่มต้นไม้ยักษ์ ที่มีโครงสร้างเป็นคอนกรีตและเหล็ก ตกแต่งเป็นสวนแนวตั้ง มีทั้งหมด 18 ต้น แต่ละต้นมีความสูงถึง 25-50 เมตร หรือประมาณตึก 16 ชั้น ที่ด้านบนของ Supertree มีการติดตั้ง Solar cell ไว้เก็บพลังงานเป็นแสงสว่างตอนกลางคืน
สวนแนวตั้งที่อยู่บน Supertree 18 ต้น ใช้ต้นไม้จริงถึง 162,900 ต้น กว่า 200 สายพันธุ์ เช่น สับปะรดสี กล้วยไม้ เฟิร์น และดอกไม้ในเขตร้อน
ตอนกลางวันดูธรรมดาๆ แต่พอมีไฟขึ้นมาคือว้าวมาก
OCBC Skyway
ทางเดินลอยฟ้าที่เชื่อมระหว่าง Supertree มีชื่อว่า OCBC Skyway ทางเดินยาว 128 เมตร มีความสูงจากระดับพื้นดิน 22 เมตร เมื่อขึ้นไปอยู่ด้านบนสามารถมองเห็นวิวได้โดยรอบ เช่น Marina Bay Sands เปิดให้ขึ้นในเวลา 9.00 – 21.00 น. ซึ่งก่อนจะขึ้นไปต้องไปรับบัตรคิวในแต่ละรอบก่อนซึ่งหากเป็นวันที่คนเยอะค่อนข้างเยอะนาน เมื่อถึงคิวแล้วก็ขึ้นลิฟต์ทางนี้เลย
จากตอนแรกตั้งใจจะขึ้นประมาณหลังพระอาทิตย์ตก แต่คนเยอะมากไม่ได้เผื่อเวลาไว้กว่าจะได้ขึ้นก็ทุ่มกว่าได้เวลาการแสดงโชว์พอดี
เห็นวิวชิงช้าด้วยนะ
ถ่ายไปให้คุ้มค่าบัตร ฮ่า แต่จริงๆ จะมีเจ้าหน้าที่มาเรียกให้เดินไปเรื่อยๆ ไม่อยากให้หยุดนานค่ะ
ค่าเข้าชม Gardens by the Bay
Two conservatories (โดมดอกไม้ และ โดมป่าเมฆ)
ผู้ใหญ่ 28 SGD
เด็ก 15 SGD
OCBC Skyway (ทางเดินลอยฟ้าระหว่าง Supertree Grove )
ผู้ใหญ่ 5 SGD
เด็ก 3 SGD
** แนะนำว่าถ้าอยากเซฟงบสามารถไปชม Supertree Grove ได้ฟรีก็สวยอลังการไม่แพ้กัน แถมช่วงโชว์ไฟดูด้านล่างสวยกว่า
_________________________
DAY 5
Singapore Zoo
สวนสัตว์สิงคโปร์มี 3 โซน ได้แก่ Singapore Zoo , River Safari และ Night Safari การเดินทางไปสวนสัตว์ถ้านั่ง MRT ต้องต่อรถบัส ถ้านั่ง Grab จากย่านบูกิสก็ 30 นาที ราคาประมาณ 18-20 SGD
เด็กๆ จะสนุกกับการนั่งรถรางดูสัตว์ต่างๆ ในส่วนของ Singapore Zoo
สัตว์ที่นี่คืออ้วนท้วนสมบูรณ์มาก
เสือขาวหาดูยาก แต่ที่ก็ไม่ยอมตื่นมาถ่ายรูปเลย
River Zoo
ถ้าเกิดมีเวลาน้อยและให้เลือกระหว่าง Singapore Zoo กับ River Zoo แม่ไข่แนะนำ River Zoo โดย River Safari จะอยู่ติดกับ Singapore Zoo เลย ซึ่งหากเราเข้ามาจากทางด้านหน้าสุดจะเจอ River Safari ก่อนนั้นเอง
เหตุผลที่โหวตที่นี่ อย่างแรกคือไม่ร้อน เดินทางเดียวไปเรื่อยๆ มีสัตว์ที่น่าตื่นเต้นมากๆ ให้ดู เช่น พะยูนตัวใหญ่มากกกกก
หมีแพนด้าาาาาา แค่นี้ก็คุ้มแล้วเห็นใกล้มาก
มีกิจกรรมนั่งเรือ
และการนั่งเรือชมชีวิตสัตว์คือเพลิน สำหรับราคาซื้อคู่กันเลยจะถูกกว่า
ราคาเข้าชม:
ผู้ใหญ่ 28 SGD เด็ก (3-12 ปี) 18 SGD ส่วนค่าตั๋วล่องเรืออีก 2 แบบ ต้องซื้อแยกต่างหาก สามารถเข้าไปซื้อที่หน้างานได้ โดยราคาของ Amazon River Quest Boat Ride ผู้ใหญ่ 5 SGD เด็ก 3 SGD ส่วน River Safari Cruise Boat ก็ราคาเท่ากัน
เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 10.00 – 19.00 น.ทุกวัน
S.E.A Aquarium
หากใครบอกว่าเต็มอิ่มกับที่ River Zoo แล้ว มีปลาให้ดูเหมือนกัน แต่ที่ S.E.A Aquarium ไม่เหมือนนะจ๊ะ เพราะที่นี่เด็กๆ จะได้พบกับสัตว์น้ำกว่า 100,000 ตัว เดินเข้าไปจุดแรกจะพบกับฉลามเสือดาว เมลลี่ตื่นตาตื่นใจมากเลยค่ะ
สัตว์ต่าง ๆ ถูกจัดกลุ่มตามโซนต่าง ๆ 10 โซนและมีถิ่นที่อยู่ 49 แห่ง ทั่วโลกรวมไว้ที่นี่
ปลาไหลมอเรย์ ตัวใหญ่มากกกก มีหลายตัวด้วยนะเด็กๆ สามารถไปยืนดูแบบใกล้ชิดได้เลย
ปะการังที่นี่สวยทุกตู้เลย
แมงกะพรุนสีสวย หลายพันธุ์ หลากสี ที่แม่ไข่เองก็ตื่นตาตื่นใจ
อีกโซนสนุกคือการระบายสีแล้วนำไปทำเข็มกลับอันละ 5 SGD
Universal Studio ไม่ได้เข้าไปเล่นรอเมลลี่โตกว่านี้ก่อนแต่สามารถถ่ายรูปได้นะคะ อยู่ที่เดียวกันกับ S.E.A Aquarium คือบนเกาะเซ็นโตซ่า นั่นเอง
Merlion Park
ไม่ได้อยู่ในแพลน แต่คุณพ่อกับคุณลูกยังไม่เคยถ่ายรูปกับ Merlion เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงสิงคโปร์ อยู่
Jewel Changi Airport
ปิดท้ายทริปนี้ก่อนขึ้นเครื่องกลับอยากให้เผื่อเวลาไปเดินเล่น ช้อปปิ้งห้างใหม่ติดสนามบิน แหล่งรวมร้านค้าชื่อดังให้ช้อปปิ้ง ร้านอาหาร เรียกว่าเดินได้ทั้งวันเลยค่ะ ไฮไลท์สุดตื่นตาตื่นใจกับน้ำตก HSBC Rain Vortex อลังการสุดตั้งอยู่กลางห้างเลย สูงกว่า 40 เมตร และได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกในร่มที่สูงที่สุดในโลก! ทำลายสถิติเดิมซึ่งเป็นน้ำตกในโดม Cloud Forest ที่ Gardens by the Bay ของสิงคโปร์เช่นกัน ตื่นเต้นไปอีกก็ตอนกำลังถ่ายรูปอยู่แล้วรถไฟฟ้าผ่านกลางห้างนี่แหละ! อยากให้เพื่อนๆ เลือกไฟลท์ดึกเลยเพราะจะได้มีเวลาดูโชว์ แสง สี ที่น้ำตกตอนกลางคืนด้วย
นอกจากนั้นยังมีมุมสำหรับเด็กๆ อีกเยอะเลย เช่น Canopy Park , Manulife Sky Nets , Canopy Maze และ Changi Experience Studio น่าเสียดายวันที่เราไปทั้งหมดนี้ปิดปรับปรุงชั่วคราว ใครไปมาแล้วเอารูปมาอวดบ้างนะคะ
หมดเวลาสนุกแล้วสิ ได้เวลากลับแล้ว เราเลือกกลับเที่ยว 20.40 น. ค่ะ จริงๆ มีรอบดึกกว่านี้ด้วยนะ ถ้าเกิดเช้าไม่ต้องไปโรงเรียนหรือไปไหนถ้าเลือกกลับรอบดึกสุดจะได้ดูโชว์ที่ Jewel Changi Airport
ที่เที่ยวเยอะมากจัดเต็มตลอด 5 วัน บอกได้ว่า คุ้ม สนุกสุด แถมจ่ายไปไม่เยอะเลย
ราคาสำหรับทริปนี้บ้านเราหมดเงินไปทั้งสิ้น
ค่าที่พัก 9,353
ค่าตั๋วเครื่องเล่น 13,000
ค่าอาหารและค่าเดินทางภายในประเทศ 12,000
รวม 34,353 บาท หาร 3 ตก คนละ 11,452 บาท (ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน)
จองตั๋วราคาดีได้ที่ https://www.airasia.com