ปราจีนบุรี ใกล้แค่เนี่ย! ไปเที่ยวกัน

ปราจีนบุรี… จังหวัดรองที่แทบจะถูกมองข้าม แต่มีสถานที่ท่องเที่ยวสุด unssen ที่หลายคนอาจไม่รู้อีกหลายแห่งเลยค่ะ แถมยังเดินทางง่ายไปแบบเช้าเย็นกลับ หรือจะค้างคืนก็มีที่พักสวยๆ หลายแห่ง ตามครอบครัวเราไปเที่ยวกัน กับ NISSAN X-TRIAL รถที่เหมาะกับการเดินทางกันทั้งบ้านจริงๆ ค่ะ เพราะสะดวกสบาย สมรรถนะดี ตามไปเที่ยวกันเลยค่ะ
หลังจากที่ใช้รถคันเล็กมาตั้งแต่ยังไม่มีลูก พอลูกเริ่มโตขึ้นรถคันเล็กของเราก็ดูจะคับแคบไปถนัดตา แถมเวลาไปเที่ยวนอกจากจะไปกันสามคนแล้ว ยังชอบขนเพื่อนไปเยอะๆ อีก ดังนั้นได้เวลาที่ครอบครัวของเราต้องมองหารถคันใหม่ที่จะตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้น ก็มีเปรียบเทียบหลายยี่ห้อนะคะรอบนี้เลยขอลอง NISSAN X-TRAIL ไป Test-Drive กันบ้าง ซึ่งแค่มี Panoramic Sunroof คนที่กรี๊ดกร๊าดที่สุดคงเป็นเมลลี่อยากจะเปิดแล้วยืนดูวิวทั้งวัน ฮ่าา

เราขับออกจากบ้านย่านปทุมธานีประมาณตี 4 ตั้งใจไปถ่ายแสงเช้าที่ อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ อยู่อำเภอเมืองปราจีนบุรีแค่สัมภาระสามคนพ่อแม่ลูก ก็ของเยอะอัดแน่นมากๆแล้ว รอบนี้มีเพื่อนไปด้วยของเยอะเพิ่มไปอีกแต่รถคันนี้สบายมากมีพื้นที่จัดเก็บสัมภาระได้เยอะเลยค่ะ

ยามเช้าที่ อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ ที่นี่ถือเป็นแหล่งน้ำสำคัญต่อต้นน้ำแหล่งต่าง ๆ ในบริเวณนั้น  วิวแนวสันเขื่อนมีหมอกเล็กๆ บริเวณเชิงเขาอีโต้หลายคนก็มาปั่นจักรยานกันที่นี่ค่ะ

 

 

หมาเจ้าถิ่นที่มาเล่นด้วยอย่างเป็นมิตร

ถ่ายรูปกับแสงสวยๆ ยามเช้า สูดอากาศบริสุทธิ์จนเต็มปอดแล้วเราขับรถไปเที่ยวต่อด้านบน เจอกับจุดแรกคือ จุดชมวิวผาหินซ้อน จุดนี้เราสามารถชมวิวกว้างๆ ของปราจีนบุรีได้เลยค่ะ

เราแค่คนตัวเล็กๆ บนโลกที่กว้างใหญ่ ^^

หลังจากนั้นเราก็ขับไปตามหา เนินพิศวง กันต่อที่เขาเล่ากันมาว่า เนินนี้มียาวประมาณ 150 เมตร เพียงจอดรถแล้วปลดเกียร์ว่าง รถจะไหลขึ้นเนินเขาได้ราวกับมีมือดีมาช่วยผลัก ซึ่งพวกเราหาไม่เจอ ตึง! อ้อ เส้นนี้ทางนี้สองข้างทางจะมีป่าไผ่สวยดีนะคะ และยังมีน้ำตกอีโต้ด้วยซึ่งตอนนั้นหิวข้าวกันแล้วเลยขอไม่เดินไปเที่ยวน้ำตกเส้นทางนี้ถือว่าเราได้ทดสอบสมรรถนะของรถได้ด้วย โดยเฉพาะการเข้าโค้งเกาะถนนดี รักษาการทรงตัวได้ดีเยี่ยม


ระหว่างทางกลับพวกเราก็เจอกับพระพุทธรูปองค์ใหญ่มากถูกสร้างอยู่กลางป่า ซึ่งพยายามมองหาป้ายก็ไม่พบแต่สวยงามมากเลยค่ะ 

ล้อหมุนออกจากเขาอีโต้มุ่งหน้าเข้าเมืองใช้เวลาประมาณ 20 นาที เพื่อไปกราบขอพร ศาลหลักเมืองปราจีนบุรี ก่อนจะแวะไปกินข้าวมันไก่เจ้าดังอยู่ใกล้ๆ 

ร้านข้าวมันไก่หลักเมืองจะมี 3 ร้าน สอบถามคนแถวนั้นได้ความว่าจะกินเจ้าไหนก็ได้เพราะขายมานานเหมือนกัน พวกเราก็สอดสายตาเข้าไปในร้าน ร้านไหนคนเยอะก็จัดร้านนั้นแหละ ฮ่า เป็นวิธีเลือกร้านที่เข้าท่าใช่มั้ยคะ ^^ สรุปเราเลือก ข้าวมันไก่บุญตา

ข้าวมันไก่บุญตาตั้งอยู่ล็อคกลาง ชื่อร้านก็มาจากเจ้าของร้านนั่นเองค่ะ คนแน่นร้านเชียว

ราคาตามนี้เลยค่ะ

จัดมาข้าวมันไก่ไม่หนังพร้อมไก่ทอด รสชาติอร่อยดีน้ำจิ้มจัดว่าเด็ด ไก่นุ่ม ข้าวดีสมคำร่ำลือ

อร่อยกันทั้งบ้าน ^^

อิ่มของคาวแล้ว สายๆ ขอไปเติมความหวานกันหน่อยที่ร้าน Big Mount Bistro & Restaurant  อยู่ระหว่างทางที่จะมุ่งหน้าไปดาษดาแกลอรีมองซ้ายมือไว้ค่ะร้านใหญ่โตมาก และพนักงานก็ดีมากออกมาต้อนรับหน้าร้านเลย

ร้านนี้น่ารักเหมาะสำหรับครอบครัวจริงๆ ค่ะ ด้านในตกแต่งโมเดิร์นผสมลอฟท์ ผนังอิฐ ตัดกับเก้าอี้สีเหลืองโดดเด่น โล่งสบายน่านั่ง

ร้านนี้นอกจากจะมีเมนูเครื่องดื่มชื่นใจเน้นไปที่ชานมไข่มุกแล้ว ยังมีอาหารอีกหลายอย่างด้วยค่ะ 

บาบูแบร์ 45 บาท

พิ้งกี้มิลล์กี้ 50  บาท

ลาเต้ 60 บาท

แถมยังมีมุมสำหรับเด็กอีกด้วยค่ะ เย็นๆ น่าจะดี

Big Mount Bistro & Restaurant
พิกัด : 90/3 ม.21 ตำบล เนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี ปราจีนบุรี
เปิดบริการทุกวัน : 10.00 – 23.00 น.

ด้วยความที่ออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดคนขับก็เริ่มง่วง จริงๆ คือง่วงกันทั้งคัน ฮ่า เราก็เลยติดต่อไปยังที่พักที่จองไว้ว่าสามารถเช็คอินได้ก่อนหรือเปล่า คุณป้าใจดีบอกว่าเข้าพักได้เลย น่ารักมาก

และนี่คือที่พักของพวกเรา สวนสุบินโฮมสเตย์ เราไปกันทั้งหมด 5 คน บ้านหลังนี้มีทั้งหมด 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ แต่คุณป้าใจดีบอกว่าหลังนี้ยกให้พวกเราพัก

ห้องแรกกว้างขวางเลยล่ะ

ห้องน้ำก็กว้างดี สภาพก็ตามอายุของบ้านไม่ได้ดีมากแต่ก็ไม่สกปรก

ห้องใต้หลังคา

มีมุมชมวิวส่วนตัวตรงนี้ด้วย

อีกห้องคืออยู่ชั้นล่าง

วิวจากห้องชั้นล่าง

หลังจากนั้นก็หลับกันยันบ่ายแก่ๆ ก็ออกไปเที่ยวกันต่อที่ The Verona at tublan อยู่ห่างจากที่พักประมาณ 20 นาที

X-TRAIL คันนี้โดดเด่นกว่าด้วย ชุดแต่ง X-TREMER แท้จากนิสสัน เท่สุดๆ เลยมุมนี้

ครอบครัวของเรามาเที่ยวที่นี่กันหลายครั้งแล้ว ชอบบรรยากาศที่สวยงาม มุมถ่ายรูปเยอะ แต่น่าเสียดายหลังๆ คนไม่ค่อยไปเที่ยวกันเท่าไรทั้งๆ ที่ที่นี่มีกิจกรรมเยอะเลยนะ


ข้อดีของคนไม่เยอะคือเราถ่ายรูปมุมไหนก็สวย ^^

กิจกรรมของที่นี่คือการนั่งรถเที่ยวชมฟาร์ม คนละ 50 บาท เด็กฟรีค่ะ

ก็จะพาไปดูแปลงผัก

ฟาร์มในไร่

ที่พักแบบกระโจม หน้าหนาวนี่เหมาะเลย

สัตว์เลี้ยงก็จะมีทั้งวัว ม้า แกะ เด็กๆ ชอบค่ะ 

สนุกสนานกันจนเย็นเกิดอยากปิ้งย่างกัน ถามคุณป้าบอกว่าต้องหาข้าวทานเองเพราะไม่ใช่ช่วงเทศกาลพวกเราก็ไปสืบเสาะจนไปเจอกับร้านหมูกระทะ ชื่อ ต้นหมูกระทะ อยู่ใกล้ๆ กับ The Verona  จริงๆ ร้านมีบริการส่งถึงที่พักนะนะคะในรัศมีไม่เกิน 5- 10  กิโลเมตร แต่เราพักไกลกว่ารัศมีแต่ก็สามารถนำกลับมาทานที่บ้านได้เสียค่ามัดจำเตากับกระทะไป 200 บาท

อากาศเย็นๆ จัดมาหมูกระทะชุดใหญ่ 2 ชุด ชุดละ 300 บาท น้ำจิ้มดีมากกก

หลับกันไปพร้อมกับความอิ่มแน่นมาก

 

เช้าวันใหม่

เราตั้งนาฬิกาปลุกแต่เช้าเพื่อจะตื่นมาดูแสงแรกและหมอกสวยๆ แม้ไม่เยอะกมากเหมือนหน้าหนาว ลุงกับป้าบอกว่าถ้าวันไหนพีคๆ จะมีหมอกมาถึงหน้าบ้านเลยค่ะ

สำหรับเราแค่นี้ก็สวยมากแล้ว

มีคนกางเต็นท์นอนด้วยค่ะ

นึกถึงวันที่หมอกเยอะๆ คงฟินน่าดู

บ้านหลังนี้ค่ะที่เราพักเมื่อคืน

โอ๊ยยยชอบบบ

สวนสุบินโฮมสเตย์ ที่พักวิวสวยราคาไม่แพง ห้องที่เราพักป้าคิดห้องละ 1,000 บาท หารแล้วก็ตกคนละ 500 บาท พร้อมอาหารเช้าเป็นข้าวต้ม ไข่กระทะ ชา กาแฟ
พิกัด :หมู่ 4 48 ตำบล บุพราหมณ์ อำเภอ นาดี ปราจีนบุรี
Facebook : https://www.facebook.com/PackSuksawat/
เบอร์โทรศัพท์ : 082 134 1655

ไปเที่ยวกันต่อค่ะ ล้อหมุนๆ สายๆ ออกจากสวนสุบินมุ่งหน้าพาลูกไปดู ไดโนเสาร์
“หือออ ปราจีนบุรีมีไดโนเสาร์ด้วยเหรอพี่” น้องร่วมทริปถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ ตามมาค่ะจะพาไปดู ต้องบอกก่อนเลยว่าจากสวนสุบินต้องขับรถไปไกลพอสมควรประมาณชั่วโมงกว่าๆ 

ที่นี่ สวนไดโนเสาร์ปราจีนบุรี ตั้งอยู่ในน้ำตกสวนสุนทรทราบข่าวว่าสร้างมานานแล้วแต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ค่ะ

อลังการมากเลยนะคะ มีไดโนเสาร์หลายพันธุ์เลยล่ะ

ด้านในยังมีอีกหลายตัว และยังมีสวนแบบไทยๆ มียักษ์​ ลิง อีกด้วย

เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะแก่การพาลูกไปเที่ยวมากๆ เลยค่ะ 

สวนไดโนเสาร์ปราจีนบุรี
ที่ตั้ง : ตำบล บุฝ้าย อำเภอ ประจันตคาม ปราจีนบุรี

เบอร์โทรศัพท์ : 084-870 9592
ค่าบริการ : ฟรี
Facebook : http://www.facebook.com/pages/น้ำตกสวนสุนทรปราจีนบุรี/912006235495261

หิวพอดี จะพาไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านดังอีกในตัวเมือง “บ้านเล่าเรื่อง เมืองสมุนไพร” เป็นร้านในเครืออภัยภูเบศร เปิดบ้านแห่งการเรียนรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร ชาวปราจีนบุรี

ด้านในร่มรื่นมาเลยค่ะ ตัวร้านเป็นบ้านสีขาวตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้ต้นใหญ่และสวนสวย

กำแพงสีสันสดใสบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับจังหวัดปราจีนบุรี

เมลลี่ดูจะสนอกสนใจเป็นพิเศษ

มุมนี้เหมาะแก่การนั่งจิบชาอ่านหนังสือสักเล่ม

ก่อนเข้าบ้านต้องถอดรองเท้า ใครมาเหนื่อยๆ แวะดื่มน้ำฝาง สมุนไพรคลายร้อนมุมนี้กันก่อนนะคะ 

บ้านหลังนี้สร้างขึ้นหลังไฟใหม้ใหญ่ตลาดปราจีน เคยเป็นบ้านที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่ง เมื่อ พ.ศ. 2493 ปราจีนบุรีได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 4 เมืองสมุนไพรของประเทศไทย เป็นจังหวัดที่มีความพร้อม ในการพัฒนาสมุนไพร โดยโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร อย่างต่อเนื่องยาวนาน จึงได้รับขนานนามว่า “ปราจีนบุรี เมืองสมุนไพร”

ตอนแรกแอบงงว่าจะนั่งทานอาหารกันตรงไหน เมื่อเดินเข้าไปด้านในลึกๆ จึงเห็นว่ามีมุมทานอาหารหลังบ้านเลยค่ะ

แบ่งเป็นโซนห้องแอร์ และ Open Air

จุดเด่นของร้าน คือ นำสมุนไพรมาทำเป็นอาหาร และเครื่องดื่ม รสชาติอร่อย แปลกใหม่ และสร้างสรรค์สุดๆ

เมนูเครื่องดื่มสมุนไพร ที่ห้ามพลาด คือ อัญชันโซดา สามทหารเสือโซดา สามเกลอโซดา สามดอกไม้โซดา ดื่มแล้วสดชื่น ได้สุขภาพ

อย่างเมนูนี้สนุกกับการเทส่วนผสมเข้าด้วยกันนี่แหละ

น้ำอัญชันที่นอกจากหน้าตาสวยแล้วรสชาติอร่อยมากเลยค่ะ

มาดูเมนูอาหารกันบ้างบอกเลยว่าราคาดีงามไม่แพงแถมอร่อยมากๆ เมนูแนะนำได้แก่ แกงส้มผักพื้นบ้าน 80 บาท เสิร์ฟด้วยการแยกเนื้อปลาใส่จานแบบนี้เวลาทานก็ค่อยเทลงไป

น้ำพริกอ่อง อร่อยมากๆ เมนูโปรดของบ้านเราเลยค่ะ

เทมปุระเล็บครุฑ ว้าวตั้งแต่เอามาเสิร์ฟคือการนำกุ้งไปทอดกับสมุนไพรที่กรอบและรสชาติจัดจ้านเข้าถึงเนื้อมากๆ 

ไข่เจียวสมุนไพร จัดมาทุกอย่างเลยค่ะสมุนไพรเยอะมาก

เราทานกัน 5 คน คนละไม่กี่บาทถือเป็นร้านอาหารที่ชอบมากๆ อีกแห่ง รสชาติอร่อยราคาไม่แพงได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ

บ้านเล่าเรื่อง เมืองสมุนไพร
พิกัด : 51 ถนน หน้าเมือง ตำบล หน้าเมือง อำเภอเมืองปราจีนบุรี 
เบอร์โทรศัพท์ :  097 021 1037
เปิดบริการ  : 10.00 – 19.30  น. ปิดวันจันทร์

โรงพยาบาลอภัยภูเบศร

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดปราจีนบุรี กับอาคารสีเหลืองสไตล์บารอคริมแม่น้ำปราจีนบุรี ด้วยความสวยงามของตัวอาคารทำให้ที่นี่มีเสน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ 

จากเดิมที่ความตั้งใจของเจ้าพระยาอภัยภูเบศรใช้ทรัพย์สินส่วนตัวสร้างตึกหลังนี้ เพื่อเป็นที่ประทับรับเสด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ทรงสวรรคตไปเสียก่อน ต่อมาจึงใช้เพื่อรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและเชื้อพระวงศ์อีกหลายพระองค์ จนถึงปี พ.ศ. 2482 อาคารหลังนี้ก็ได้ถูกมอบให้ทางราชการใช้เป็นอาคารพักผู้ป่วย และได้รับการบูรณะปรับเปลี่ยนการใช้งานอาคารมาเรื่อย ๆ จน “ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร” หลังนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ที่คอยให้คำแนะนำการใช้ยาสมุนไพร โดยมีแพทย์เฉพาะทางดูแลอย่างใกล้ชิด เรียกได้ว่าถ้าใครมีอาการเจ็บป่วยตรงไหนอย่างไร ก็สามารถมาสอบถามกันได้โดยตรงจากที่นี่ 

หลังจากนั้นเวลาเหลือเพื่อรอเวลาไปดูหิ่งห้อยตอนค่ำ เลยตัดสินใจไปเที่ยวน้ำตกกันโดยที่ไม่ได้วางแผนล่วงหน้ามาก่อนเลยค่ะ จุดมุ่งหมายของพวกเราคือ น้ำตกธารทิพย์ ทางไปน้ำตกค่อนข้างดี มีถนนไม่ดีบางช่วงแต่ด้วยสมรรถนะของ NISSAN X-TRAIL พิเศษกว่ารถ SUV อื่นๆ เพราะ X-TRAIL คันนี้ มีสวิทช์ให้เราปรับเป็นระบบขับเคลื่อนให้เหมาะกับสภาพถนน และครั้งนี้เราได้ปรับไปใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ช่วยให้ผ่านทางเข้าน้ำตก ที่ขรุขระ เต็มไปด้วยหินได้อย่างมั่นใจ

กล้องมองภาพรอบทิศทาง (Around View Monitor – AVM) แค่มองผ่านหน้าจอ เราก็จะเห็นรอบตัวรถแบบ 360 องศา ก็ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ ถอยจอดก็สะดวก ช่วยให้มั่นใจกับมุมอับสายตาที่เราเคยมองไม่เห็น

บริเวณที่สามารถเล่นน้ำได้นักท่องเที่ยวคึกคักเชียวค่ะ

แต่ตัวน้ำตกจริงๆ นั้นต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 1 ก.ม. เดิมทีถนนสายนี้รถสามารถเข้าถึง แต่ในช่วงที่น้ำหลากแบบนี้เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตเข้าไปเล่นน้ำค่ะ

เราเดินกันไปเรื่อยๆ แบบไม่ได้คาดหวังว่าน้ำตกจะสวยงามแค่ไหน

แต่สิ่งที่เห็นคือว้าวมากๆ 

สวยงามราวกับภาพวาด ลักษณะน้ำตกคือเป็นธารน้ำที่ไหลผ่านชั้นหินต่างระดับ บางช่วงไหลผ่านลานหินบริเวณกว้าง บางช่วงเป็นแอ่งน้ำลึก มีลานหินสำหรับนั่งพักผ่อน ฝั่งซ้ายของลำธารลักษณะค่อนข้างสูงชัน สภาพโดยทั่วไปยังเป็นป่าที่คงความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ 

การเดินทาง จากตัวเมืองปราจีนบุรีไปตามถนนสายปราจีนบุรี – ประจันตคาม เส้นทางหลวงหมายเลข 3452 ระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร จากนั้นไปตามทางหลวงหมายเลข 33 จนถึงสี่แยกประจันตคาม หรือ จะใช้เส้นทางสี่แยกเนินหอมแล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 33 จนถึงสี่แยกประจันตคาม แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน รพช. ตรงไปจนถึงบริเวณกิโลเมตรที่ 9 จะเห็นป้ายน้ำตกธารทิพย์ เข้าไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตร

ดินแดนหิ่งห้อย

อีกหนึ่งสถานที่ที่อยากไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งเมื่อไปปราจีนบุรี คือการไปดูหิ่งห้อยรับล้านตัว ที่ส่องแสงวิบวับประหนึ่งมีใครเอาไฟไปประดับใต้ต้นไม้ แต่ฟ้าฝนก็ไม่เป็นใจเมื่อพวกเราเลี้ยวเข้าไปภายในกรมทหารปืนใหญ่ที่ 2 รักษาพระองค์ จากที่แดดเปรี้ยงๆ จู่ๆ ฝนก็ตกลงมาไม่ขาดสายทำให้ต้องรอเวลาให้ฝนหยุดความฝันที่จะได้เจอหิ่งห้อยนับล้านเหมือนจะพังทลาย

แต่เราก็ลงทุนฝ่าสายฝนที่โปรยปราย (ไม่น่าลืมร่มเลยค่ะ) และหิ่งห้อยก็ดูเหมือนจะมีใจให้เราโผล่ออกมาให้เห็นวิบวับๆ สวยงามมากกก

การไปชมหิ่งห้อยนั้นแนะนำให้ไปรอตั้งแต่ 6 โมงกว่าๆ และถ่ายได้ไม่เกิน 2 ทุ่มค่ะ หลังจากนั้นก็จะทำให้การถ่ายภาพยากแล้ว หาทำเลที่เหมาะสมหรือใครหิวข้าวพี่ๆ ทหารมีข้าวไข่เจียวจำหน่าย พร้อมกับของที่ระลึกพวงกุญแจหิ่งห้อยที่น่ารักมากๆ 

การถ่ายภาพหิ่งห้อยต้องมีขาตั้งกล้อง สปีดชัตเตอร์ต่ำ เปิด F กว้าง ก็จะได้ภาพประมาณนี้ค่ะ ชมได้ถึงสิ้นเดือน กรกฎาคม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมก่อนไป  037 570 030

จบภารกิจเที่ยวปราจีนบุรีในเวลา 2 วัน 1 คืน กลับถึงกรุงเทพฯ ประมาณ  4 ทุ่ม การเดินทางทริปนี้สนุกกว่าเดิมเพราะมี NISSAN X-TRAIL ที่กว้างขวางนั่งสบาย ขับขี่ปลอดภัย เป็นรถ SUV ที่เหมาะกับครอบครัวเราจริงๆ ค่ะเพราะกว้างขวางเมลลี่นี่ชอบสุดๆ นั่งสบาย สมรรถนะดี และเป็นรถ SUV ที่พิเศษกว่ารถ SUV อื่นๆ เพราะคันนี้มีสวิทช์ให้เราปรับเป็นระบบขับเคลื่อนที่เหมาะกับสภาพถนนได้ด้วยจุดนี้ชอบเป็นพิเศษเลยค่ะ

ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.nissan.co.th/vehicles/new-vehicles/x-trail.html

เป็นอีกตัวเลือกที่ดีมาก สำหรับรถคันต่อไปของครอบครัวเราเลยก็ว่าได้ค่ะ 🙂

teawbebgru

เราก็แค่ครอบครัวที่รักการเดินทาง ดีใจที่ได้พาลูกท่องโลกกว้างด้วยกัน ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเรื่องเล่าของเรานะคะ ^^ติดต่องาน E-mail : [email protected]

ใส่ความเห็น