เป็นประจำของทุกปีที่ช่วงเดือนสิบจะมีประเพณีทำบุญให้กับปู่ย่าตายายที่ล่วงลับไปแล้ว แต่ละภาคก็เรียกงานบุญเดือนสิบแตกต่างกันออกไป บ้านของเราอยู่ทางอีสานเรียกกันว่า “แซนโดนตา” สำหรับงานสารทเดือนสิบที่ยิ่งใหญ่จัดเป็นประจำทุกปีคือที่ภาคใต้ โดยเฉพาะที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เรียกว่า “หฺมฺรับ”
หฺมฺรับ ก็คือสังฆทานอย่างหนึ่งจะที่นำไปถวายพระสงฆ์ โดยจำกัดเวลาในช่วงเทศกาลสารทเดือนสิบ
ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 10 สิ้นสุด แรม 15 ค่ำเดือน 10 วัน มีสำคัญทั้งหมด 3 วัน วันแรกคือวันแรม 1 ค่ำ เดือนสิบ มีความเชื่อว่าเป็นวันที่ปรโลกจะเปิดประตูให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วได้ลงมาโลกมนุษย์เพื่อมาเยี่ยมลูกหลาน และในวันที่ท่านลงมาโลกมนุษย์ลูกหลานก็ต้องทำแต่ความดี ละเว้นความชั่ว
เที่ยวแบบกรู (หนีลูกไปคนเดียว) ขอพาไปดูบรรยากาศของงานสารทเดือนสิบนครศรีธรรมราชที่จัดยิ่งใหญ่ปีละครั้งกันค่ะ
ปีนี้จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดงานตั้งแต่วันที่ 14-23 กันยายน 60 ค่ะเราไปงานวันที่ 19 ค่ะ เนื่องจากเป็นวันแห่หฺมฺรับ ในตอนบ่ายนั้นจะมีการจัดหมฺรับที่ ททท.สำนักงานนครศรีธรรมราช
ด้านหน้ามีมุมให้ถ่ายรูปด้วยค่ะ
หฺมฺรับ มาจากคำว่า สำรับ ภาษาใต้นิยมกร่อนคำ พูดรวบคำจึงเป็นคำว่า หฺมฺรับ สัญลักษณ์ของการทำบุญสารทเดือนสิบ ซึ่งปู่ย่าตายายจะมีเวลาเยี่ยมลูกหลานได้แค่ 10 วัน โดยวันที่ท่านกลับนั้นเราจะเรียกว่า “วันส่งตายาย” ในวันแรม 15 ค่ำ เดือนสิบ ในวันที่ส่งตายายกลับนั้นจึงต้องมีของติดไม้ติดมือให้ท่านนำกลับปรโลก ดังนั้นลูกหลานจึงมีการจัดหฺมฺรับ ขึ้นในวันแรม 14 ค่ำเดือนสิบ ซึ่งเรียกกันว่า “วันหลองหฺมฺรับ”
สิ่งของที่จะให้ตายายหรือบรรพบุรุษนำกลับไปนั้น จะใช้เชิงสัญลักษณ์ มีของ 5 อย่าง ดังนี้ค่ะ
ขนมบ้า
ลักษณะการตั้งชื่อมี 2 แบบ คือ ตั้งตามวัตถุประสงค์ที่ใช้แทน และตั้งตามกรรมวิธีการทำ ขนมบ้า ใช้แทนลูกสะบ้า เป็นการตั้งชื่อเพื่อสื่อถึงสิ่งของ ทำจากแป้งผสมน้ำตาล โรยด้วยงาขาว
ขนมลา
ตั้งชื่อตามกรรมวิธีการทำ ลา แปลว่า ทา อย่างแรกคือ ทาน้ำมัน ตีก้านของต้นจากเป็นเส้นแล้วจุ่มน้ำมันเอามาทาที่กระทะ ขนมลาประกอบด้วย แป้ง น้ำตาล น้ำผึ้ง ลักษณะของขนมลาจะเป็นแผ่นๆ จึง เป็นสัญลักษณ์ของเสื้อผ้า
ขนมดีซัม เป็นสัญลักษณ์แทนเงินตรา สำหรับใช้สอย
ขนมกง (ไข่ปลา) เป็นสัญลักษณ์ของเครื่องประดับ
ขนมพอง สัญลักษณ์แทนเรือ ข้ามห้วงมหรรณพไปสู่แดนสุคติ
สำหรับการจัดหฺมฺรับนั้น ไม่มีรูปแบบที่แน่นอน จะจัดเป็นรูปแบบใดก็ได้ แต่ลำดับการจัดของหฺมฺรับ จะเหมือน ๆ กัน คือ เริ่มต้นจะนำกระบุง กระจาด ถาด หรือกะละมัง มาเป็นภาชนะ แล้วรองก้นด้วยข้าวสาร ตามด้วยหอม กระเทียม พริก เกลือ กะปิ น้ำตาล และเครื่องปรุงอาหารที่จำเป็นอื่น ๆ ต่อไปก็ใส่ของจำพวกอาหารแห้ง เช่น ปลาเค็ม เนื้อเค็ม และผักผลไม้ที่เก็บไว้ได้นาน ๆ เช่น ฟักเขียว ฟักทอง มะพร้าว ขมิ้น มัน ลางสาด เงาะ ลองกอง กล้วย อ้อย ข้าวโพด ข่า ตะไคร้ ฯลฯ จากนั้นก็ใส่ของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ไต้ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันก๊าด ไม้ขีด หม้อ กระทะ ถ้วยชาม เข็ม ด้าย และเครื่องเซี่ยนหมาก
บางคนนอกจากจะจัดเพื่อให้ปู่ย่าตายายแล้ว ก็จะจัดเพื่อเลี้ยงเปรตด้วยค่ะ
ไม่เข้าใจส่วนไหนมีหนุ่มๆ คอยตอบคำถามด้วย บ่าวรู้สึกดีมากเลยค่ะ ^^ ททท.สำนักงานนครศรีธรรมราช ได้จัดเตรีมอุปกรณ์สำหรับจัดหฺมฺรับ ให้นักท่องเที่ยวได้จัดด้วยตัวเอง
หยิบตะกร้าเล็กๆ มาเลือกแต่ละอย่างได้เลยค่ะ ซึ่งหน้าตาหฺมฺรับของคุณแม่นั้นก็ยังธรรมดาอยู่นะ
ไปดูนักท่องเที่ยวทางนี้บ้างดีกว่าค่ะ ตั้งใจกันมากทีเดียว
อันนี้สวยงามมีความคิดสร้างสรรค์มาก
ซึ่งหฺมฺรับที่ได้จัดกันจะนำไปที่วัดค่ะ หลังจากจัดหฺมฺรับกันตั้งแต่บ่ายแล้วในช่วงเย็นของวันที่ 19 กันยายน จะมีพิธีแห่หฺมฺรับ ซึ่งปีนี้ได้เปลี่ยนจากการแห่ตอนเช้ามาเป็นตอนเย็น เริ่มตั้งแต่ 16.00 น. ตั้งขบวนจากสนามหน้าเมือง ไปถึงวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
เหมือนฟ้าเป็นใจจากอากาศที่ร้อนสุดๆ กลับไม่มีแดดในช่วงเย็นวันนั้น แต่ละขบวนก็จัดเตรียมตั้งแถวกันอย่างคึกคัก
ช่วงนี้ก็จะเป็นช่วงถ่ายรูป แต่ละคน แต่ละอำเภอจัดเต็มมากค่ะเลยค่ะ ชุดทีมทั้งนั้นเลยอดไม่ได้ขอไปแจมกับแก๊งสาวๆตะกร้าผลไม้ ใครเอ่ยไม่เข้าพวก ฮา
จะเห็นว่าในขบวนแห่จะมีเปรตเต็มไปหมดซึ่ง ชิงเปรต เป็นประเพณีของภาคใต้ ทำกันในวันสารทเดือนสิบ เป็นประเพณีที่ดำรงอยู่บนความเชื่อของการนับถือผีบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้วหากยังมีบาปอยู่จะกลายเป็นเปรตในภูมินรกปีหนึ่ง จะถูกปล่อยให้มาเมืองมนุษย์ 15 วัน โดยมาในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 ซึ่งถือว่าเป็น วัน “รับเปรต” หรือ วันสารทเล็ก ลูกหลานต้องเตรียมขนมมาเลี้ยงดูให้อิ่มหมีพีมัน และฝากกลับเมืองเปรต ในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 นั่นคือวันส่งเปรตกลับคืนเมือง เรียกกันว่าวันสารทใหญ่
ผู้เฒ่าผู้แก่หลายคนได้ยืนยันว่า การชิงเปรตไม่เป็นความอัปมงคลแก่ผู้ชิงเปรตแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามกลับถือว่า เป็นการได้บุญ เพราะเชื่อกันว่าหากลูกหลานของเปรตใดชิงได้ เปรตตนนั้นย่อมได้รับส่วนบุญส่วนกุศลนั้น
ชอบแก๊งนี้ค่ะมาเต็มมากคาแรกเตอร์ไม่หลุดกันเลย
ชอบอินเนอร์น้องมาก
เมื่อทุกคนถ่ายรูปกันในขบวนสนุกสนานแล้วท่านผู้ว่าราชการก็ทำพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการค่ะ
นำขบวนด้วยวงโยธวาทิต
และตามด้วยขบวนในแต่ละอำเภอค่ะ
งานนี้มีการประกวดด้วยดังนั้นแต่ละท้องที่จึงจัดเต็มกันมากทั้งการประดับประดารถ และขบวนแห่
ระหว่างที่ขบวนแห่มุ่งหน้าไปยังวัดพระมหาธาตุฯ ขอพาไปดูเปรตกันที่ลานตะเกียงเคียงดิน บริเวณศาลากลางจังหวัดค่ะช่วงหัวค่ำไปจนมืดลานนี้ก็มีความขนลุกเหมือนกันนะ
ที่ลานตะเกียงมีของกินเยอะมาก
ข้าวไข่เจียวใส่ใบตองแบบนี้น่ากินมาก
ขนมโบราณที่หาทานยาก 10 บาทเท่านั้นเองค่ะ
ออกจากลานตะเกียงขบวนแห่ก็ไปถึงหน้าวัดพระมหาธาตุฯ พอดีค่ะ แสงกำลังสวยเลย
จุดถ่ายภาพหน้าวัด
ภายในวัดมีการแสดงหนังพื้นบ้านด้วยนะ
งานยังมีอีกที่นั่นก็คืองานกาชาดที่ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ (ทุ่งท่าลาด)
แสงสีตระการตาตั้งแต่ด้านหน้า
มีจุดถ่ายภาพกับปีนักษัตรด้านหน้าค่ะ
คนเยอะมาก
ช่วงหัวค่ำจะมีการแสดงมโนราห์ด้วย
ภายในงานกาชาดก็ยังคงมีของขาย พวกเสื้อผ้า รองเท้า และไม่พ้นของกินที่เต็มไปหมด
นกกระทาหมุนค่ะ
ยิงปืน ปาโป่งก็ต้องมา
ตักไข่ลอยน้ำก็มี
ม้าหมุนนี่ก็ไม่พลาด
ชิงช้าสวรรค์คนเข้าแถวยาวมาก
สาวน้อยตกน้ำที่วัยรุ่นมุงกันเต็ม
รางวัลใหญ่งานกาชาดคือรถยนต์ค่ะ
และของใช้อีกมากมายหลายรายการ
อุดหนุนกาชาดได้ใบละ 100 บาท เท่านั้น
ที่งานกาชาดก็มีจุดถ่ายรูปสวยๆ ด้วยนะคะ
สำหรับแก่นสาระสำคัญของประเพณีสารทเดือนสิบนั้น อย่างแรกคือ ความกตัญญูกตเวที ถือเป็นหัวใจสำคัญของงานบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรษที่ล่วงลับไปแล้ว นำมาซึ่งความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตของลูกหลานชาวนครศรีธรรมราช
การรวมญาติ ลูกหลานกลับบ้านมาร่วมทำขนมเดือนสิบ จัดหฺมฺรับ สำรับทำบุญและมอบให้ผู้เฒ่าผู้แก่ที่นับถือ เสริมสร้างความรัก ความผูกพันอันเป็นความเข้มแข็งของชุมชนโดยเฉพาะสังคมไทย
การสะสมเสบียงบุญ สืบศรัทธาแห่งการทำบุญที่สำคัญยิ่ง เป็นการทำบุญให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ และเป็นการเพิ่มสิริมงคล รวมทั้งเป็นการสะสมเสบียงให้กับพระสงฆ์ช่วงฤดูฝนของภาคใต้
งานนี้เราถ้าเราไม่ได้ไปเห็นด้วยตา ไปลงมือทำด้วยตัวเองก็จะไม่ทราบเรื่องราวของการแห่หฺมฺรับเลยค่ะ บางอย่างได้แค่อ่านก็ไม่อินเท่าไปดูด้วยตาไปสัมผัสด้วยตัวเอง ใครมีเวลาอยากให้ไปเที่ยวงานกันค่ะ จัดขึ้นปีละครั้งเท่านั้น ระหว่างวันที่ 14- 23 กันยายน 60 ที่นครศรีธรรมราช