กิจกรรมวันหยุดของครอบครัวเรามักจะพาเจ้าตัวเล็กเดินทางท่องเที่ยวเสมอๆค่ะ แต่ทริปนี้เราไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนไกลนัก เราจะพาลูกไปเที่ยวแหล่งเรียนรู้ที่อยู่ในกรุงเทพฯ นี่ล่ะค่ะที่ Siam Serpentarium (สยาม เซอร์เพนทาเรียม) ย่านลาดกระบังนี่เอง
Siam Serpentarium เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว คิดอยากจะพาเมลลี่ไปเที่ยวนานแล้ว แต่ยังไม่มีเวลาสักที พอบอกเด็กน้อยว่าจะพาไปดูสเนคลูกดูจะตื่นเต้นมาก ตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัวอย่างง่ายดาย เราใช้เวลาเดินทางจากบ้านย่านปทุมธานีเพียงหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่นี่แล้วค่ะ สถานที่ใหญ่โตกว้างขวางทีเดียว มีสัญลักษณ์เป็นรูปปั้นรูปงูขนาดใหญ่ สีสันสวยงาม ตั้งโดดเด่นอยู่ด้านหน้าอาคารสีทอง
ทางเข้าเป็นอาคารสีทองขนาดใหญ่ เข้าไปด้านในโอ่อ่า กว้างขวาง เพดานตกแต่งเป็นโครงสร้างกระดูกงูเลื้อยไปมา น่าตื่นตาตื่นใจมากค่ะ
ก่อนเข้าไปตะลุยกัน ต้องไปซื้อบัตรกันก่อนนะคะ
ราคาบัตรผู้ใหญ่ 350 บาท เด็ก (สูง 90–130 ซม.) 150 บาท
ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และเด็กที่มีความสูงน้อยกว่า 90 ซม. เข้าฟรี นักเรียน/นักศึกษา ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล – ปริญญาตรี แสดงบัตรเพื่อรับส่วนลดหน้าเคาน์เตอร์ได้เลยค่ะ
มีนักเรียนมาเที่ยวกันเป็นกลุ่มด้วย เจ้าหน้าที่ก็คอยให้คําแนะนํา และให้ความรู้กับน้องๆอย่างสนุกสนานและเป็นกันเอง
ระหว่างที่รอให้พี่ๆ นักเรียนเข้าไปกันก่อนเมลลี่ก็ชวนคุณแม่ถ่ายรูปเล่นกันค่ะ
ตอนแรกแอบกังวลว่าลูกจะกลัวงูหรือเปล่าแต่พอมาถึงก็เริงร่าสบายใจค่ะ
เอาล่ะรอไม่กี่นาทีก็ได้เวลาเข้าไปด้านในกันแล้วแสดงบัตรแล้วเข้าไปกันเลย จุดแรกจะเป็นการจําลองว่าเราอยู่ในไข่ของงูค่ะ แล้วไฟก็ดับลงพร้อมกับภาพของเด็กกลุ่มหนึ่งกําลังเข้าไปเที่ยวในป่า เด็กกลุ่มนี้ได้เจอกับไข่ของงูเข้าแล้วตีไข่งูจนแตกจึงถูกลงโทษให้กลายเป็นงู 1 วัน เพื่อจะได้เรียนรู้และเข้าใจชีวิตของงูนั้นเองค่ะ
เมลลี่ดูตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นมากๆ
อ้าวล่ะ ได้เวลาไปดูชีวิตของงูกันแล้ว ประตูก็เปิดออกเดินเข้าไปข้างในกันเลยค่ะจุดแรกที่ได้เห็นคือ การจำลองป่าและสัตว์ต่างๆในสเกลที่ใหญ่เสมือนมองโลกผ่านสายตาของของงู เช่น กระต่าย กบ หนู เด็กๆ จะสนุกเหมือนได้ท่องไปในดินแดนมหัศจรรย์
จุดถัดไปจะแสดง การเลื้อยของงู งูสามารถเคลื่อนที่ได้หลายรูปแบบ โดยการเลื้อยของงูแบบทั่วไปเราจะเรียกว่า การเคลื่อนส่ายลำตัว ซึ่งงูจะส่ายลำตัวไปมาซ้ายขวา เพื่อเคลื่อนที่ไปข้างหน้า สังเกตให้ดีๆ นะคะ
เมื่องูเลื้อยผ่านเข้าโพรงรากต้นไม้ จุดนี้ถือว่าทําได้ดี ดูสมจริงทีเดียวค่ะ
แต่ละจุดจะมีเจ้าหน้าที่คอยบรรยายและอธิบายในส่วนที่อยากรู้เพิ่มเติมด้วยค่ะ
ในบริเวณนี้จัดแสดง การลอกคราบของงู ในช่วงลอกคราบงูจะเลื้อยหากิ่งไม้ หรือวัสดุผิวหยาบแล้วเริ่มไถตัว เพื่อให้คราบหลุดออกจากลําตัว การลอกคราบคือการลอกหลุดของผิวหนังชั้นนอกสุด แล้วแทนที่ด้วยผิวหนังใหม่ที่อยู่ชั้นใน ช่วงระยะก่อนลอกคราบงูจะมองเห็นไม่ชัดเจนเพราะดวงตามีลักษณะสีขาวขุ่น หรือเป็นสีฟ้า งูจะหยุดกินอาหารและหลบซ่อนตัวเพื่อหลบเลี่ยงอันตรายจากศัตรู โดยหลังจากการลอกคราบแล้วงูจะมีสีตัว และเกล็ดสดใสขึ้นกว่าเดิม
ไปดูกันต่อเลยค่ะ บริเวณนี้จัดแสดงเกี่ยวกับศัตรูของงู ซึ่งมีสัตว์จํานวนมากที่เป็นศัตรูของงูส่วนใหญ่ มักจะ เป็นสัตว์ที่กินเนื้อเป็นอาหาร เช่น หมา แมว นกน้ำ ห่าน พังพอน และสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่
รู้หรือไม่เกล็ดงูมีกี่แบบ? และแต่ละแบบมีความสําคัญอย่างไร?
เกล็ดของงู คือผิวหนังชั้นนอกสุดที่วิวัฒนาการให้หนาขึ้นจนกลายเป็น “เกล็ด” เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำออกจากร่างกาย และป้องกันอันตรายจากสภาพแวดล้อม ภายในเกล็ดมีเม็ดสีที่ทําให้งูมีสีสันและลวดลายแตกต่างกัน จากเดิมคิดว่างูมีเกล็ดแค่แบบเดียว แต่จริงๆ แล้วมีถึง 3 ประเภทเลยค่ะ ได้แก่ เกล็ดแบบเรียบ เกล็ดแบบสัน และเกล็ดแบบตุ่ม
เกล็ดแบบเรียบ คือเกล็ดที่พบได้ในงูจงอาง งูแสงอาทิตย์
เกล็ดแบบสัน (ภาพซ้าย) เช่น งูเขียวหางไหม้ และเกล็ดแบบตุ่ม (ภาพขวา) เช่น งูงวงช้าง งูผ้าขี้ริ้ว
เรียนรู้เรื่องเกล็ดของงูไปแล้วได้เวลาเดินเข้าสู่ไฮไลต์ค่ะตอนแรกเมลลี่ก็เดินมาดีๆ นะคะ สนุกสนานเชียวล่ะ พอมาถึงตรงนี้งูยักษ์ที่เห็นอยู่เบื้องหน้ามีความเหมือนงูมากๆ และใหญ่มากกกก
ทางเดินเข้าปากงูตรงนี้ถือว่าทําได้สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจมากๆ ด้านในมีวิดีโอและบอร์ดอธิบายการกินอาหาร และการย่อยอาหารของงู การสืบพันธุ์ ไปจนถึงกระทั่งระบบการขับถ่าย ความรู้สึกเหมือนเราเดินเข้าไปในปากงูแล้วเรียนรู้ระบบอวัยวะต่างๆภายในท้องงู ทางพิพิธภัณฑ์เล่าเรื่องได้น่าสนใจทีเดียวค่ะ
มาดูระบบทางเดินหายใจของงูกันค่ะ มีความน่ารักมุ้งมิ้งทีเดียว
ส่วนมุมนี้จำลองการบีบรัดของงู เราสามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเองด้วยการสอดมือเข้าไปในช่องตรงกลาง สนุกตื่นเต้นทีเดียวเลยค่ะ
มาดูปากและฟันของงูบ้าง ปากของงูสามารถอ้าปากได้ 180 องศา ซึ่งถือว่ากว้างมากๆ ดังนั้นงูจึงสามารถกินสัตว์ใหญ่ ๆ เข้าไปในท้องได้เลย
ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นอุนจิ หรือ อึ ของงูเลยค่ะ ที่นี่จําลองให้ดูด้วย มูลของงูถูกขับออกมาในลักษณะของกาก อาหารที่ระบบย่อยอาหารไม่สามารถย่อยได้ จําพวกเส้นขนของสัตว์ ส่วนปัสสาวะของงูนั้น ไตของงูมี ประสิทธิภาพในการดูดกลับน้ำได้ไม่ดี จึงใช้น้ำในการขับปัสสาวะน้อยปัสสาวะส่วนใหญ่ จึงอยู่ในรูปของ กรดยูริคซึ่งมีลักษณะเป็นกึ่งของแข็ง
ยังไม่จบเท่านี้นะคะเด็กๆ ไปดูเรื่องการสืบพันธุ์ของงูกันต่อ งูมีทั้งเพศผู้เพศเมีย เช่นเดียวกับคนเลยค่ะและ นี่ก็คือ อวัยวะเพศของงูเพศผู้นั้นเอง
ดูกันจนหมดรู้เรื่องงูกันแบบละเอียดยิบแล้ว เด็กๆ ก็อย่าไปทำร้ายงูกันนะคะ
เดินออกมาเราก็จะพบกับงูตัวเป็นๆ แล้วค่ะ
ตื่นตาตื่นใจกับอาณาจักรงู ที่เต็มไปด้วยเหล่าบรรดางูที่น่าสนใจจากทุกมุมโลกกว่า 70 สายพันธุ์ แม้กระทั่งงูสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างอนาคอนด้าเขียว ที่นี่ก็มีด้วยนะคะ เสียดายถ่ายรูปงูยักษ์ไม่ได้ เพราะหลบไปหลบมาอยู่หลังต้นไม้
งูแต่ละชนิดจะมีห้องส่วนตัวอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม ให้อาหารเป็นเวลา พร้อมกับมีป้ายชื่อ อธิบายลักษณะให้ทราบด้วยค่ะ
เจ้าตัวนี้กำลังนอนหลับหรือเปล่านิ่งมากๆ นึกว่าของปลอม
งูบางชนิดจะจัดแสดงในตู้พื้นกระจกใส จุดนี้รับรองว่าสามารถสร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับผู้ที่เดินผ่านทุกท่านได้แน่นอน
เมลลี่ดูสนุกกับการดูงูมากค่ะ ไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใดลูกก็จะตื่นเต้นทําไมตัวนี้ใหญ่ ทําไมตัวนี้สีดํา เด็กวัยกําลังเรียนรู้พาไปหาความรู้ที่พิพิธภัณฑ์งูก็สนุกดีนะคะ
ตรงนี้เป็นการตรวจสุขภาพงูค่ะ สามารถยืนดูผ่านกระจกได้ยังไม่หมดเท่านี้ที่ Siam Serpentarium ยังมีโรงละคร Naka Theatre หนี่งเดียวในประเทศไทย กับการแสดงระหว่างคนกับงูรูปแบบใหม่ ถ่ายทอดเรื่องราวอันเป็นตํานานและความเชื่อโบราณ รังสรรค์ผ่านเทคนิคตระการตา พร้อมแสง สี เสียง สุดอลังการ ในโรงละครอันกว้างขวางและสะดวกสบาย ที่สามารถรับผู้ชมได้ ถึง 400 ที่นั่ง
เราเดินเข้าไปถึงพบกับโชว์เล็ก เป็นการแสดงของคนกับงู
หวาดเสียว ตื่นเต้น เร้าใจ มากค่ะ ย้ำว่านี่คืองูของจริงไม่ใช่งูปลอมและคนที่เห็นคือคนจริงๆ ไม่ใช่ตัวแสดงแทน (น้ำเสียงคดีเด็ด)
สนุกสนานกับโชว์คนกับงูไปแล้ว มาถึงอีกโชว์เด่น ศึกชิงดวงแก้วมณี
ดูกันเพลิดเพลินใช้ เวลาไม่กี่นาที แต่เป็นการแสดงที่ทำให้ทั้งผู้ใหญ่และเด็กๆ ตื่นตาตื่นใจทีเดียวค่ะ
เดินไปยังทางออกจะพบกับร้านขายของที่ระลึกสินค้ามากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์ ต่างๆ หลากหลายแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ OTOP ก็มีนะ ส่วนเมลลี่มาหยุดตรงมุมตุ๊กตาเลยค่ะ
มีความน่ารักเหมาะแก่การหิ้วกลับบ้านจริงๆ
เดินเที่ยวกันเพลินจนหิวแล้ว ด้านนอกมีอาหารและเครื่องดื่มจําหน่ายหลายอย่างเลยค่ะ
หรือถ้าชอบนั่งห้องแอร์เย็นๆ นี่เลยค่ะ Snaka Café ร้านอาหารสไตล์คาเฟต์ชิลล์ๆ ตกแต่งในธีมสวนงูค่ะ
นี่คือตุ๊กตาที่เมลลี่ได้กลับบ้าน ทุกวันนี้ติดมากๆ เอาไปเที่ยวด้วยตลอด
อาหารนั้นก็จะมีอาหารจานเดียว เราสั่งสุกี้แห้งทะเล จัดว่าอร่อยมากๆ ก็ว่าได้ค่ะ
เกี๊ยวซ่าของโปรดคุณสามีกินคนเดียวหมดเกลี้ยง
ก่อนกลับพาลูกไปเล่นที่ สนามเด็กเขาวงกตเล่นงู แค่สีสันก็ชวนให้เด็กๆ ไปวิ่งเล่นแล้วล่ะค่ะ
Siam Serpentarium สถานที่ที่เหมาะกับทุกคนในครอบครัว พาลูกออกไปเรียนรู้นอกบ้านที่เดินทางไม่ไกล แถมได้ความรู้กลับบ้านเพียบเลยค่ะ
การเดินทางโดยขนส่งสาธารณะ
วิธีที่ 1) ใช้บริการรถแท็กซี่มิเตอร์ คุณสามารถ ติดต่อสอบถาม เส้นทางเพื่อบอกทางแก่คนขับได้ โดยโทรเข้ามาที่ +662 326 5800
วิธีที่ 2) เดินทางโดยรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ มาลงที่สถานีลาดกระบัง ออกที่ทางออกหมายเลข 2 (สามารถดูข้อมูลการเดินทางโดยแอร์พอร์ตลิงค์เพิ่มเติมได้ที่ www.srtet.co.th) และเรียกบริการรถแท๊กซี่มิเตอร์ หรือรถสองแถวสาย 333 (สีขาว) ต่อเพียง 10 นาทีมายังสยาม เซอร์เพนทาเรียม
Siam Serpentarium
เปิดให้บริการทุกวัน 09.00 – 18.00 น. (จำหน่ายบัตรรอบสุดท้ายเวลา 16.30 น.)เบอร์โทรศัพท์ : 02 326 5800
Website : http://www.siamserpentarium.com/
Facebook : https://www.facebook.com/siamserpentarium