ล่องเรือสำราญอีกหนึ่งความฝันที่ครอบครัวของเราอยากจะไปสักครั้ง เมื่อทราบข่าวว่าเรือสำราญระดับโลกอย่าง Star Cruise มาเปิดเส้นทางใหม่ แหลมฉบัง -สีหนุวิลล์(กัมพูชา- เกาะสมุย เราก็เลยรีบตอบตกลงร่วมเดินทางทริปนี้ทันทีเลยค่ะ ตามไปเที่ยวกับครอบครัวหัวหยองกันนะคะ
Super Star Gemini จอดเทียบท่ารอผู้โดยสารเริ่มต้นทริปนี้ที่ท่าเรือแหลมฉบัง สำหรับการเดินทางไปง่ายที่สุดคือรถยนต์ส่วนตัวสามารถไปจอดได้ที่ท่าเรือ ค่าจอดรถ 500 บาท เหมาทั้งทริป สำหรับคนที่ซื้อทัวร์ไปบางทัวร์ก็มีบริการรับ-ส่ง จากกรุงเทพฯ ค่ะ
มาดูข้อมูลเบื้องต้นของ Superstar Gemini กันก่อน
น้ำหนักเรือ 50,764 ตัน
ความยาว 230 ม./ 754.57 ฟุต
ความกว้าง 29 ม./ 95.14 ฟุต
จำนวนห้อง 765 ห้อง
ความจุผู้โดยสาร 1,530 คน
มาดูแผนที่การเดินทางก่อนไปเรียกได้ว่าเป็นการล่องน่านน้ำสากลเพลิดเพลิน กิน นอน ทำกิจกรรมวนไป แวะเที่ยวตามจุดนี้
ไปกับเรือ superstar ต้องโพสต์ท่าแบบซุปตาร์พอได้มั้ยคะ ^^
จอดรถเรียบร้อยก็เดินไปยังอาคารที่มีที่เดียวตรงท่าเรือ
กรอกเอกสารผ่านแดนเพื่อเข้ากัมพูชาให้เรียบร้อย
จุดเช็คอิน
เมื่อเช็คอินแล้วเราจะได้การ์ดสีฟ้าแบบนี้มาคนละใบ รักษาเท่าชีวิตเพราะนี่จะกุญแจสำหรับสำหรับทำกิจกรรมทุกสิ่งอย่างบนเรือ บนการ์ดจะมีชื่อจริง หมายเลขห้องพัก วันที่เดินทาง
เมื่อผ่านแดน ต.ม.ปั๊มพาสปอร์ตเรียบร้อยแล้ว ทางเรือจะเก็บพาสปอร์ตของเราไว้เดินลากกระเป๋าขึ้นเรือสวยๆ ได้เลยค่ะ
เมื่อเดินเข้าไปในเรือสิ่งแรกที่ควรรู้คือการอ่านผังของเรือก่อนเราจะได้ไม่งง
ดูหมายเลขห้องพักในบัตร จะระบุชั้นไว้แล้ว หลังจากนั้นอ่านเลขห้องเดินตามป้ายได้เลย เราต้องเดินหาห้องพักเองไม่มีเจ้าหน้าที่มาคอยอำนวยความสะดวก
ล็อบบี้กลางอยู่ชั้น 7
ก่อนจะพาไปดูห้องพักประเภทต่างๆ บนเรือ แม่ไข่ขอพาขึ้นไปดูชั้นดาดฟ้าของเรือก่อนนะคะ
ตรงกลางจะมีสระว่ายน้ำ
ยามเย็นที่แหลมฉบัง
เดินชมวิวสักพักก็ได้ยินเสียงประกาศให้ไปรวมตัวกันตามจุด เราจะซ้อมหนีไฟก่อนค่ะ
เมื่อทุกคนเข้าใจกฎ กติกากันแล้ว ก็ถือเวลาไปพักผ่อนตามอัธยาศัย
ท้องฟ้าวันนั้นแดดดี อากาศปลอดโปร่งมาก
สระว่ายน้ำท้ายเรือค่ะเราชอบสระนี้มากกว่า
ใครจะคิดว่านี่คือแสงสุดท้ายของทริปนี้ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปมากมาย คิดว่าอยู่อีกหลายวันค่อยถ่ายก็ได้เพราะหิวข้าวแล้วอยากไปห้องอาหาร สุดท้ายนั่นคือสิ่งที่คิดผิด! เพราะหลังจากนี้เราไม่เห็นแสงสวยๆ แบบนี้อีกเลยทั้งทริป
แสงสวยๆ ที่สนามบาส
ห้องอาหารที่มีจากุซชี่
เอาล่ะก่อนจะไปทานอาหารเราจะพาไปดูห้องพักบนเรือ Superstar Gemini ก่อนนะคะ
ห้องพัก มีทั้งหมด 8 แบบ ได้แก่
Ocean view Stateroom with Window
ห้องขนาด 14.7 – 20.01 ตร.ม.
ครอบครัวเราพักห้องนี้ค่ะเป็นเตียงคู่สองเตียงสามารถเสริมได้อีกหนึ่งที่ คือปรับโซฟาเป็นที่นอนได้ค่ะ ห้องแอบคับแคบไปนิดหากกระเป๋าใบใหญ่ก็จะเกะกะทีเดียว แต่เตียงนุ่มหลับสบายค่ะ ภายในห้องจะมีทีวี โต๊ะเครื่องแป้งหรือจะแปลงร่างเป็นโต๊ะทำงานของเราในบางเวลาก็ได้
ระหว่างอยู่บนเรือไม่มีอะไรทำก็นั่งโพสต์ท่าถ่ายรูปชมวิวสวยๆ ไปได้ตลอดการเดินทาง
ห้องน้ำให้นึกภาพห้องน้ำบนเครื่องบินค่ะ เพียงแต่เพิ่มส่วนอาบน้ำเข้ามาอีกช่องหนึ่งคือด้านขวามือของภาพนี้
Ocean view Stateroom with Porthole
ห้องขนาด 14.7 – 20.01 ตร.ม.
ห้องประเภทนี้เหมือนแบบแรกต่างแค่หน้าต่างเท่านั้น
Superior Ocean view Statteroom
ห้องขนาด 17.09 ตร.ม.
ห้องนี้มีความหรูหราขึ้นมาอีกนิดจากห้องแบบแรกด้วยโซฟาสีแดง สำหรับห้องน้ำยังคงเหมือนกัน
Superior Inside Stateroom
ห้องขนาด 13.63 – 13.8 ตร.ม.
ห้องด้านในที่ไม่มีหน้าต่าง โซฟาถูกปรับมาอยู่ด้านหน้าห้อง สำหรับห้องน้ำก็ยังคงเหมือนกัน
Inside Stateroom
ห้องขนาด 13.63 – 13.8 ตร.ม.
ห้องนี้มีความเก๋คือมีแบบเตียงสองชั้นพักได้ 4 คนด้วยค่ะ เหมาะสำหรับบ้านที่มีลูก 2 คน
Junior Suite
ห้องขนาด 30.03 – 34.5 ตร.ม.
ห้องน้ำกว้างขวางแบบมีพื้นที่ให้เต้นออกกำลังกายตอนเช้าได้สบายๆ โซฟาสีแดง ม่านสีเหลืองทองทำให้ห้องดูหรูหรามากขึ้น
ห้องน้ำก็มีความแตกต่างบ้างแล้ว ขนาดกำลังดีให้อารมณ์พักโรงแรม
Executive Suite
ห้องขนาด 28.86 ตร.ม.
หรูที่สุดบนเรือ Super Star Gemini ต้องห้องนี้เลยค่ะอยู่บนชั้น 11 ของเรือ เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องจะพบกับส่วนของห้องนั่งเล่น ขวามือเป็นห้องน้ำ
เห็นแล้วอยากจะกระโดดขึ้นไปนอน
ชอบระเบียงที่สามารถออกมายืนรับลมชมวิวสวยๆ ได้ (แต่ฟ้าไม่เป็นใจทริปนี้เจอแต่ฝน)ห้องน้ำน่าจะเพิ่มความหรูด้วยการมีอ่างจากุซซี่ในห้องจะดีมาก
และห้องแบบสุดท้าย Oceanview Stateroom with Balcony ขออภัยลืมถ่ายมาค่ะ
Restaurant & Bar
6 ห้องอาหาร 5 บาร์
ในส่วนของห้องอาหารมีด้วยกัน 6 ห้องอาหาร ได้แก่ ห้องอาหารไดนาสตี้ห้องอาหารบลูลากูน(สั่งอาหารได้ 24 ชั่วโมง) ห้องอาหารเบลล่าวิสต้า ห้องอาหารไทปัน(เสียค่าบริการเพิ่ม) ห้องอาหารมาริเนอร์ส และโอเชียนบาบีคิว (outdoor )
Mariners Restaurant
International Buffet Restaurant
บุฟเฟต์นานาชาติและอาหารอินเดียบนชั้น 9 ของเรือ
ก่อนจะเข้าไปใช้บริการทุกห้องอาหารก็ต้องยื่นการ์ดเหมือนเดิม พนักงานก็จะเขียนหมายเลขโต๊ะให้เรา
ห้องอาหารแห่งนี้ให้บริการทั้งอาหารเช้า เที่ยง และเย็น
อาหารส่วนใหญ่จะแนวแขก
โดยรวมยังไม่มีเมนูไหนอร่อยแบบว้าววต้องชิมให้ได้นะสำหรับห้องอาหารนี้สำหรับคนทานยากก็ยังมีไข่ดาว ไข่เจียวที่อร่อยดีเหมือนกันเอาเป็นว่ารอดแน่นอน สลัดหรือข้าวต้มมื้อเช้าก็ยังมี และชานมตู้กดรสชาติดีมาก
Bella Vista Restaurant
Semi Fine Dining Restaurant
ห้องอาหารจีนและเวสเทิร์น ชั้น 9 เสิร์ฟแบบเซตก่อนเข้ามาทานสามารถดูรายการอาหารที่ป้ายได้ก่อนตัดสินใจ สามารถมาทานมื้อเช้าและเย็นได้ที่นี่ ในส่วนของเมนูมื้อค่ำจะมี เมนูเรียกน้ำย่อย มีให้เลือก 3 เมนู ซุป มีให้เลือก 2 เมนู อาหารจานหลัก 4 เมนู และของหวาน
ในส่วนของมื้อค่ำที่นี่ดูหรูหราทีเดียวค่ะ ในวันที่มีกาล่าก็จัดที่ห้องอาหารนี้ด้วยต้องสำรองโต๊ะล่วงหน้า โดยจะมี 2 รอบ คือ 18.30 และ 21.00 น.
มีเปียโนขับกล่อมระหว่างรับประทานอาหาร
Main Course ที่จำไม่ได้แล้วว่าเมนูอะไรบ้าง
ขนมที่ห้องอาหารเบลล่าวิสต้าจัดได้สวยงามและน่าทานมาก
Dynasty Restaurant
Chinese Restaurant
ห้องอาหารจีนแบบบุฟเฟต์ ชั้น 11 สำหรับมื้อเที่ยงและมื้อเย็น
ห้องอาหารที่ทำให้เราเติมข้าวก็ที่นี่เลย อาหารหลากหลาย อร่อย ยังคงติดใจผัดมะเขือม่วง
ในส่วนของขนมนั้นก็ไม่แตกต่างจากเบลล่าวิสต้า เค้กช็อกโกแลตคือดีมากเลย
Taipan
Chinese a la Carte Restaurant
ห้องอาหารที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอยู่ชั้น 11 เอามาฝากแค่รูปเดียวนะคะ
Oceana Barbecue
Outdoor International Buffet & Grill Restaurant
บนชั้น 12 ของเรือในวันที่ฟ้าเป็นใจที่นี่จะคึกคักและบรรยากาศดีมาก มีดนตรีสดให้ฟัง แต่เราไม่ได้ใช้บริการเลยค่ะเนื่องจากฝนตกและโต๊ะไม่พอเลยไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
Facilities
มาดูสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ บนเรือกันบ้างค่ะ จากุซชี่บนดาดฟ้าในวันที่ฟ้าเป็นใจ
ในส่วนของสปา(ค่าบริการเพิ่ม) และฟิตเนส(ฟรี)
ห้องซาลอน ค่าบริการเพิ่ม
Kids Club ก็มีนะคะ แต่เสียค่าบริการเพิ่ม 15 SGD ต่อ 1 ชั่วโมง
ห้องสันทนาการ พักผ่อน ฟังเพลง ร้องคาราโอเกะ
สตาร์ดัส เลาจน์
ที่สตาร์ดัส เลาจน์ ชั้น 10 มีโชว์ให้ชมทุกคืนไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ยกเว้นโชว์พิเศษ เช่น ดรีมเกิร์ล์
มุมถ่ายภาพบนเรือกับภาพ 3 มิติ
อยากช้อปปิ้งก็ไป Duty Free เครื่องสำอางราคาน่าคบหา
อยากจะซื้อเครื่องประดับที่ชั้น 11
อยากที่ทราบว่าทริปนี้เรือจะไปเทียบฝั่งสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา เมืองท่าเรือที่หลายคนอาจเคยได้ยินในชื่อ “เมืองกัมปงโสม” ถือเป็นเมืองตากอากาศอันดับหนึ่งของกัมพูชา โดยมีท่าเรือน้ำลึกระดับสากล (International Port) แห่งเดียวในกัมพูชา และเป็นเมืองที่ติดอันดับ 8 โดยการจัดอันดับ 10 สุดยอดชายหาดในเอเชียโดยหนังสือพิมพ์ Sunday Herald Sun ของประเทศออสเตรเลีย
สีหนุวิลล์
เมื่อถึงท่าเรือบรรยากาศดี แดดเปรี้ยงก็ดีใจวันนี้จะได้ไปเดินทอดน่องริมชายหาด
น้ำทะเลที่นี่ใสมากเลยค่ะ
เราขึ้นฝั่งกัมพูชาแล้วไปเที่ยววัด
วัดนี้เป็นวัดที่อยู่สูงที่สุดทำให้มองเห็นวิวเมืองได้สวยงาม
ตลาดในสีหนุวิลล์
ใครจะซื้อเบียร์ก็ซื้อที่ตลาดได้เลยค่ะพกเงินไทยใช้ได้กระป๋อง 20 บาท
“วงเวียนสิงห์โตทอง” หรือ Golden Lion Traffic Circle เมื่อถึงจุดนี้ฝนก็ตกแบบไม่ลืมหูลืมตา จะลงไปทักทายสิงห์โตหน่อยก็ไม่ได้ T_T
ดังนั้นแผนที่คิดไว้ว่าจะใส่บิกินีเดินทอดน่องริมชายหาดก็ได้แต่ฝัน ถ่ายมาได้แค่นี้เองค่ะในรูปคือฝนตกหนักมากๆ
เราเจอพายุฝนตั้งแต่สีหนุวิลล์ยันอีกวันที่ไปถึงเกาะสมุยก็ไม่ได้ลงที่เกาะ กิน นอน ดูโชว์วนไปสุดท้ายฟ้าก็กลับมาสดใสก็วันสุดท้ายเมื่อใกล้แหลมฉบังนี่เอง
เป็นอีกทริปที่ถือว่าได้ไปพักผ่อนอีกหนึ่งประสบการณ์การเดินทางที่เมลลี่ยังคงพูดถึงทุกวันค่ะ
นอกจากเส้นทางแหลมฉบัง – สีหนุวิลล์ – เกาะสมุย แล้ว Superstar Gemini ยังเปิดเส้นทางแหลมฉบัง – เกาะกูด และแหลมฉบัง – น่านน้ำสากล อีกด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้เพื่อนๆ คงอยากทราบว่าเท่าไร
ทริปนี้เริ่มต้นคนละ 12,900 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง)
สิ่งที่ควรทราบ :
1.ทริปนี้ต้องใช้หนังสือเดินทาง (Passport) ที่มีอายุไม่เกิน 6 เดือน
2.เงินที่ควรพกติดตัวคือดอลลาร์สิงคโปร์
3.ราคาทัวร์ยังไม่รวมภาษีท่าเรือ 1,700 / คน
4.Wifi สามารถใช้ได้ฟรี แต่สัญญาณอ่อนมากๆ หรือถ้าจ่ายเงินเพิ่มก็ยังอ่อนอยู่ดีและราคาค่อนข้างแพงมาก
5.แพคเกจทัวร์รวมค่าอาหารและที่พัก เครื่องดื่มอื่นๆ นอกจากนั้นต้องจ่ายเอง
6.เรืออาจเจอพายุให้พกยาเมาเรือ เพราะแม้แต่เรือสำราญก็ยังมีโคลง
Super Star Gemini
website : http://www.superstarvacations.com
tel : 02 233 7789