สาธิตปทุม : รีวิวโรงเรียนลูกรักกับ 3 ปีที่ลูกได้ใช้ชีวิต

รีวิวนี้แม่ไข่อยากจะเขียนบอกเล่าประสบการณ์การของการเรียนของลูกที่ “โรงเรียนสาธิตปทุม” ปทุมธานีนะคะ ไม่ใช่ ปทุมวัน ^^ ตอนจะพาลูกเข้าเรียนหาข้อมูลยากมากๆ เลยไม่มีรีวิวอัปเดต แม่ไข่ก็เลยอยากเขียนบันทึกไว้เผื่อคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังหาข้อมูลโรงเรียนนี้อยู่จะได้มาอัปเดตกัน

ซึ่งโจทย์ ณ ตอนนั้นคือ อยากได้โรงเรียนใกล้บ้าน เดินทางสะดวก เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก เหตุผลส่วนตัวของคุณแม่คืออยากได้โรงเรียนที่สามารถดูแลเด็กได้ทั่วถึง ยอมรับเลยว่าตอนแรกไม่รู้จักโรงเรียนนี้เลยทั้งๆ ที่อยู่ใกล้บ้านมากเดินทางแค่ 5-10 นาทีก็ถึง มีเพื่อนที่มีลูกวัยเดียวกันบอกว่าถ้าจับคู่เข้าไปเรียนจะได้ส่วนลดแรกเข้า (โปรโมชั่นตอนนั้น)​ ก็เลยได้มีโอกาสไปงาน open house ประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกกับบรรยากาศเล็กๆ อบอุ่นของโรงเรียน  ได้เห็นรูปแบบการเรียนการสอนในวันนั้นก็เลยตัดสินใจเลยค่ะ

เมลลี่บอกว่าสไลเดอร์ใหญ่เรียนที่นี่แหละ ฮ่า

โรงเรียนสาธิตปทุม อยู่ตรงแยกบางคูวัด อ.เมืองปทุมธานี แนวทางการเรียนการสอนแบบ Montessori หลักสูตรการเรียนการสอนแนวทางเดียวกับ โรงเรียนบ้านต้นไม้ เปิดสอนตั้งแต่ อนุบาล – ป.6

แบ่งการเรียนการสอนออกเป็น 2 หลักสูตร ได้แก่
– 3 ภาษา ค่าเทอม 37,500 ไทย อังกฤษ จีน ครูประจำชั้นครูไทย และมีครูฟิลิปปินส์เป็นครูผู้ช่วย
– Prep  ค่าเทอม 45,500 ครูประจำชั้นเป็นครูฟิลิปปินส์ ในห้องเรียนสื่อสารภาษาอังกฤษเป็นหลัก
ในวิชาภาษาอังกฤษสอนโดยอาจารย์เจ้าของภาษา ภาษาจีนสอนโดยอาจารย์จากจีนค่ะและตอนนี้เปิด หลักสูตรนานาชาติ แล้วด้วยค่ะ
**ตรวจสอบค่าเทอมโดยตรงกับทางโรงเรียนอีกครั้งอาจมีการเปลี่ยนแปลง

รูปนี้บันทึกไว้ตั้งแต่อนุบาล 1- 3

ชุดนักเรียนจะมี 4 แบบ ชุดหลักคือสีน้ำเงินค่ะ ลายสก็อตเป็นชุดอินเตอร์ ชุดพละ และชุดไทยใส่วันศุกร์ (เด็กผู้ชายจะเป็นกางเกงม่อฮ่อม) รูปเซตนี้แม่ไข่ถ่ายตอนอนุบาล 1 ชอบตอนนี้แก้มยุ้ยเชียว ^^ ส่วนกระเป๋าแนวแฟชั่นค่ะไม่ได้มีของโรงเรียน

เมลลี่อนุบาล 1

แม่ไข่ให้เมลลี่เรียน 3 ภาษาค่ะ เนื่องจากค่าเทอมถูกกว่า
เมลลี่ในวัยอนุบาล 1 เป็นเด็กที่เข้ากับเพื่อนยากมาก เรียกว่าทั้งเทอมรู้จักเพื่อนแค่ไม่กี่คน เมลลี่ถนัดพูดภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาไทยในตอนนั้นทำให้ลูกปรับตัวไม่ได้แต่ลูกก็ไม่เคยงอแงว่าไม่อยากไปโรงเรียนนะคะ ด้วยความที่ลูกเป็นเด็กที่อยู่เนอสเซอรีมาก่อนทำให้ไม่มีปัญหาในการปรับตัวเลยไม่มีร้องงอแงสักวัน จุดนี้แม่ปลื้มใจ

จุดเปลี่ยนที่ต้องย้ายหลักสูตร
ตอนนั้นทั้งครูที่โรงเรียนต่างช่วยกันบิ๊วให้เมลลี่ทำกิจกรรมกลุ่ม เพื่อที่จะได้เข้ากับเพื่อนๆ ได้แต่ก็น้อยค่ะ แม่ไข่ก็จับเข่าคุยกับลูกว่าเกิดอะไรขึ้น คำตอบคือ ลูกสื่อสารกับเพื่อนไม่เข้าใจ และเข้าหาเพื่อนไม่เป็น วิชาภาษาไทยอ่อนมากแต่ลูกก็พยายามฝึกพูด อ่าน เขียน มานั่งคิดหลายตลบเลยตัดสินใจว่าจะย้ายไปเรียน prep ค่ะ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าหลักสูตร 3 ภาษาไม่ดีนะคะ เพียงแต่ลูกเราอาจเหมาะกับ prep มากกว่า

เมลลี่ K2 – K3 เมื่อลูกย้ายหลักสูตร
K2 ลูกติดครูประจำชั้นที่เป็นชาวฟิลิปปินส์สนุกกับการพูดคุยกับครูมากๆ และเริ่มเปิดใจคุยกับเพื่อนๆ บ้างแล้ว เพราะเด็กห้องนี้ส่วนใหญ่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี คุณแม่ก็เบาใจค่ะ ยิ่งตอนนี้ K3 ลูกมีเพื่อนเยอะขึ้น เข้ากับทุกๆ คนได้ เด็กๆ สื่อสารภาษาอังกฤษกันอย่างสนุกสนาน  กิจกรรมก็แน่นทั้งปี เมลลี่ชอบทำกิจกรรมค่ะ

ทางโรงเรียนจะเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองทุกคนสามารถเข้าไปสังเกตการณ์การเรียนการสอนได้ปีละ 1 – 2 ครั้งเป็นรอบๆ แม่ไข่ก็เลยได้มีโอกาสถ่ายรูปในห้องเรียนมาเล่าให้ฟังกันค่ะ

วิชาการเรียนการสอนในชั้น K3 จะมีวิชา
-Thai
-Chinese
-English Vocabulary
– English Reading
– English Writing
– Reading & Phonics
– Mathematics
– Science Exploration
– Science Experimentation
– Story & Drama
– Music & Dance
– Music
– Information Technology
– Social & Moral
– P.E.
– Montessori
– Cooking & Gardening

นอกจากนี้ยังมีวิชาเสริมหลังเลิกเรียนจ่ายเพิ่มต่างหาก เทอมละ 1,500 – 2,500 บาท แล้วแต่วิชา เช่น ว่ายน้ำ  คอมพิวเตอร์ ดนตรี  phonicsฯลฯ

ห้องเรียนของเมลลี่ค่ะ เด็ก 18 คน ครูประจำชั้นหลักเป็นครูฟิลิปปินส์ และมีครูไทยผู้ช่วยอีกหนึ่งคน

ทุกคนจะมีล็อคเป็นของตัวเองไว้ใส่กระเป๋าและของใช้ส่วนตัว

ภาพทั้งหมดนี้ได้รับการอนุญาตจากผู้ปกครองของเด็กๆ ในห้องแล้วนะคะ

วิชาภาษาอังกฤษ

วิชาภาษาจีน

วิชาคอมพิวเตอร์

ห้อง Montessori ห้องนี้เลยค่ะที่ทำให้ประทับใจมากๆ และอยากให้เรียนที่นี่

มีวัสดุ อุปกรณ์ ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ เสริมสร้างพัฒนาการเยอะเลย

ห้องเรียนหลักๆ ก็จะมีประมาณนี้ หลังจากจบเทอมผู้ปกครองก็จะได้แฟ้มสะสมผลงานของเด็กๆ แบบนี้ค่ะ

มุมอาหารกลางวันค่ะ

สระว่ายน้ำ

ว่าด้วยเรื่องการว่ายน้ำคุณแม่ขอเล่า ตอนอนุบาล 1 เมลลี่ไม่ยอมลงสระเลยค่ะเอาแต่ร้องไห้ พีคสุดเคยเอาชุดว่ายน้ำออกจากระเป๋าแล้วซ่อนไว้ใต้เบาะรถ แล้วไปบอกคุณครูว่าแม่ลืมเอามาให้เธอจะได้ไม่ต้องว่ายน้ำ มาเอะใจตอนเวลาไปรับทำไมไม่เจอชุด T_T คิดได้เนอะ

ตอน K2 เริ่มกล้าลงสระไม่ร้องไห้แล้ว แต่ก็ว่ายน้ำไม่เป็นสักทีคือยอมลงสระแต่ไม่ยอมเรียน

จนมาถึง K3 ทางโรงเรียนเปิดสอนว่ายน้ำหลังเลิกเรียน เดือนละ 2,000 บาท เรียนทุกวัน วันละ 1 ชั่วโมง อยู่ๆ ลูกเดินมาบอกเองค่ะว่าอยากเรียนเห็นเพื่อนเรียน แม่ดีใจมากกก เพราะจะได้ไปรับลูกช้าลง 55 โถ….แม่ จริงๆ ก็ดีใจลูกจะได้ว่ายน้ำเป็นสักที และเด็กๆ ที่เรียนว่ายน้ำทางสโมสรของโรงเรียนก็พาไปลงสนามแข่งขันได้รางวัลกันมาเยอะมาก

กลับมาต่อกันที่ห้องน้ำกัน สะอาด สะอ้านดีค่ะ

นอกจากการเรียนการสอนแล้วก็มีกิจกรรมอื่นๆ อาจไม่ได้แตกต่างจากโรงเรียนอื่นๆ มากนัก เช่น วันไหว้ครู กีฬาสี วันคริสต์มาส

นิทรรศการจัดแสดงผลงานของเด็กๆ
จัดแสดงก่อนปิดภาคเรียน เป็นการรวบรวมผลงานตลอดทั้งเทอมมาให้ผู้ปกครองได้ชมกัน

เวลาเดินไปชมผลงานแล้วลูกก็จะเล่าอย่างภูมิใจว่า “อันนี้หนูทำค่ะ” “อันนี้ของหนู” ความรู้สึกของแม่คือปลื้ม
จริงๆ ผลงานมีเยอะนะคะ ตอนนี้เต็มบ้านแล้ว ฮ่า เพราะแต่ละปีคือหลายชิ้นมาก

เข้าค่าย
กิจกรรมที่คุณแม่ประทับใจคือการเข้าค่ายและนอนโรงเรียน 1 คืนค่ะ ซึ่งเมลลี่บอกว่าสนุกมากคลุกดินทั้งวัน แม่เองก็ได้ไปนั่งดูคิดถึงสมัยเป็นเนตรนารีเลย (รูปจากเฟซบุ๊กโรงเรียน)

คริสมาสต์
กิจกรรมคริสมาสต์ที่เด็กๆ รอคอยจะได้ของขวัญจากซานตาครอส แต่ละห้องก็จะมีกิจกรรมการแสดงด้วยค่ะ

งานเลี้ยงประจำปีจะจัดก่อนปิดเทอมใหญ่แต่ละปีก็มีธีมแตกต่างกันไป อย่างตอน K2 เป็นธีม “Super Hero” ค่ะ

ชุดเต็มมากเลยค่ะ อินเนอร์การโพสต์ก็มา ฮ่า

ไม่ใช่ว่าเด็กๆ จัดเต็มเท่านั้น ผู้ปกครองก็จัดเต็มเหมือนกันค่ะ

พ่อแม่ก็จ่ายค่าโต๊ะจีนมาดูลูกกัน สนุกสนานกันไป โต๊ะจีนอาหารอร่อยนะคะ

เด็กๆ ตื่นเต้นกับการแสดงประจำปี

การแข่งขันทักษะทางวิชาการและการประกวดสิ่งประดิษฐ์ทางโรงเรียนก็ส่งเข้าประกวดตลอดค่ะ ปีนี้เมลลี่ไปแข่งเต้นแอโรบิกได้รางวัลเหรียญเงิน

ตลอด 3 ปีที่สาธิตปทุม เห็นได้ชัดว่าลูกมีพัฒนาการหลายๆ ด้าน
 – กล้าพูด กล้าแสดงออกมากขึ้น
– ว่ายน้ำ จากเด็กที่ไม่ยอมลงสระเลยตลอดอนุบาล 1 เคยถึงขนาดเอาชุดว่ายน้ำไปซ่อนไว้แล้วบอกครูว่าแม่ลืมเอาใส่กระเป๋ามาให้ แสบจริงๆ _ _ “ จนตอนนี้มาขอคุณแม่เรียนพิเศษว่ายน้ำเองหลังเลิกเรียนทุกวันแบบไม่ได้บังคับเลยค่ะ แถมค่าเรียนก็ถือว่าถูกดีจุดนี้แม่ชอบ
– โรงเรียนส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก และสนับสนุนความสามารถของเด็กแต่ละคน มีพาไปแข่งขันหลายๆ ที่

สิ่งที่โรงเรียนต้องปรับปรุง
ก็จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มากกว่าค่ะ ที่เราก็สามารถเดินไปบอกได้ตรงๆ เช่น

  • การสื่อสารที่ไม่ชัดเจนในตอนอนุบาล 1 จะไม่ค่อยมีการสื่อสารกับผู้ปกครองเท่าไร ตอนนี้ดีขึ้นค่ะ เราจะมีกรุ๊ปไลน์ผู้ปกครอง แล้วตัวแทนห้องก็จะสื่อสารโดยตรงกับโรงเรียน
  • อาหารกลางวันแจ้งแค่ว่ามีเมนูอะไร แต่ไม่เห็นภาพอาหาร แม่ไข่ใช้วิธีถามลูกเอาค่ะว่ากินข้าวอิ่มมั้ย ลูกตอบตลอดว่าอิ่ม เลยไม่ได้ติดใจอะไร
  • วิชา cooking สิ่งที่ไม่ควรให้เด็กเตรียมไปเองคือ ไข่ไก่ เพราะมีโอกาสที่จะแตก เลอะ กระเป๋าได้

ทั้งหมดนี้ก็เพียงเล็กๆ น้อยๆ ที่นึกออกนะคะ

ตอบไม่ได้ว่าที่นี่ดีที่สุดมั้ย แม่ไข่เอาแค่ว่าลูกไปโรงเรียนแล้วมีความสุขก็พอ ยังไม่เจอเหตุการณ์เด็กบูลลี่กันในห้อง เด็กรังแกกันแบบร้ายแรงนะคะ แค่นี้ก็ถือว่าแฮบปี้แล้ว

อีกหนึ่งเรื่องสำคัญคือ สังคมผู้ปกครอง แม่ๆ ทุกคนในห้องน่ารักมากๆ ช่วยเหลือกันดี ฝากลูกกันได้ด้วย อย่างบางวิชาที่ต้องหาวัสดุอุปกรณ์ต่างๆไปโรงเรียนใครหาไม่ทัน หาไม่ได้เราก็แบ่งปันกันจุดนี้น่ารักมากๆ

อย่างไรก็ตามรีวิวนี้เป็นเพียงบันทึกในมุมแม่ไข่เท่านั้น อยากให้คุณพ่อคุณแม่ลองเข้าไปชมโรงเรียนด้วยตัวเองสักครั้งแล้วจะได้คำตอบว่าที่นี่เหมาะกับลูกเราหรือเปล่า

ใส่ความเห็น