ไม่มีเงินไปฝรั่งเศสแต่อยากถ่ายรูปสวยๆ อวดเพื่อนได้ยันลูกโตเพราะมุมไหนก็น่ากดชัตเตอร์ไปหมด อยากจะทำตัวเป็นเจ้าหญิงสะบัดกระโปรงต่อไม่รอแล้วนะ เดินเฉิดฉายในปราสาทแสนสวย กำเงินไม่กี่พันก็ไปได้แล้ว Mercure Danang French Village Bana Hills ที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ตามครอบครัวเราไปเที่ยวกันค่ะ
ทริปกระทันหันดานัง เกิดจากที่เห็นรูปปราสาทแสนสวยรายล้อมด้วยหมอกนี่เลยค่ะ รีบจัดการจองตั๋วทันทีโชคดีที่เราได้ตั๋วราคาดีงามจาก บางกอกแอร์เวย์ บินตรงลงดานังใช้เวลาเดินทางแค่ชั่วโมงนิดๆ ตรวจสอบเวลาและซื้อตั๋วได้ที่ http://www.bangkokair.com/tha/ เราไปกันทั้งหมด 5 วัน เก็บเวียดนามกลางทั้ง เว้ ฮอยอัน ปิดท้ายที่ดานัง (รีวิวรวมจะตามมาเร็วๆ) รีวิวนี้จะพาไปเที่ยว Mercure Danang French Village Bana Hills โดยเฉพาะซึ่งเป็นไฮไลต์ของทริปนี้กันค่ะ
การเดินทางไป Mercure Danang French Village Bana Hills ไม่ยากเลยค่ะ ขึ้นแท็กซี่โลด เราไปกัน 6 คน มีตัวหารเยอะดี ฮ่า ค่าแท็กซี่จากสนามบินประมาณ 800-900 บาท บอกหน่วยเงินไทยดีกว่าเนอะเดี๋ยวถ้าบอกเป็นเงินเวียดนามแล้วจะตกทำไมจ่ายเป็นแสน ฮ่า ราคานี้กดมิเตอร์นะคะ ระยะทางจากตัวเมืองประมาณ 40 กิโลเมตร แต่รถจะขับช้าหน่อยเลยใช้เวลาเกือบชั่วโมงค่ะ
รถแท็กซี่ก็พาเราไปส่งถึงล็อบบี้ (ด้านล่าง) จัดการซื้อตั๋วกระเช้าให้เรียบร้อยแล้วไปกันค่ะ! ราคากระเช้า VND 400,000 (จริงๆ ซื้อแพคเก็จแบบค้างคืนประหยัดกว่านะ)
เด็กจะดี๊ด๊าสุด หนูน้อยชอบนั่งกระเช้าค่ะ
พวกเราทั้ง 6 ก็ตื่นเต้นกดชัตเตอร์กันรัวๆ แบบไม่กลัวฟิล์มหมด #ผิด
เมลลี่เองก็สนุกและนั่งนับกระเช้าที่ผ่านไปมา นับยังไงก็ไม่หมดเพราะกระเช้าที่นี่มีหลายเส้น แถมยังยาว แอบหวาดเสียวนิดๆ คนกลัวความสูงมีสั่นนั่งกระเช้าทะลุหมอกของจริง ความเจ๋งของกระเช้านี้คือ ที่ได้รับการบันทึกสถิติโลกโดยกินเนสส์ เอาไว้ถึง 4 หมวดความเป็นที่สุด
-กระเช้าไฟฟ้าประเภทไม่มีการหยุดแวะ (แบบเคเบิลเดี่ยว) ระยะทางยาวที่สุดในโลก 5,801 เมตร
– กระเช้าไฟฟ้าประเภทไม่มีการหยุดแวะ (แบบเคเบิลเดี่ยว) ระยะจากฐานสู่ยอดสูงที่สุดในโลก 1,368 เมตร
-กระเช้าไฟฟ้าที่สายเคเบิลยาวที่สุดในโลก 11,587 เมตร
-กระเช้าไฟฟ้าที่สายเคเบิลหนักที่สุดในโลก 141.24 ตัน
ระยะเวลาการนั่งสายที่ยาวที่สุดประมาณ 15-20 นาทีค่ะ แต่ถ้าคนกลัวความสูงก็จะรู้สึกว่าเมื่อไรจะถึงสักทีนะ
สำหรับแม่ไข่ก็จะชอบอะไรแนวนี้ดังนั้นการชมหมอกไปเพลินๆ คือรู้สึกฟินและอยากนั่งนานๆสถานีแรกที่เราแวะคือ Golden Bridge สะพานลอยฟ้า ในอุ้งมือยักษ์
ว้าวววววหมอกอลังการมากก จนแทบมองไม่เห็นอะไรเลยค่ะ อากาศก็เย็นสบาย แอบหนาวๆ ด้วยนะ
สะพานโกลเด้น (Golden Bridge) มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,400 เมตร ความยาว 150 เมตร ทางเดินแบ่งออกเป็น 8 ช่วง โค้งไปตามแนวเขา ช่วงนี้มีดอกไม้สวยๆ กำลังบานสะพรั่งเลยค่ะ
หมอกฟุ้งๆ ปกคลุมไปทั่วทั้งวันเลยค่ะ
ดอกไฮเดรนเยียบานสะพรั่งไปทั้งหุบเขา
แนะนำให้เดินต่อไปยังสวนด้วยนะ ถ่ายจากบนกระเช้าจะเห็นว่ามีทางเดินตั้งๆ ทรงกรอบรูปเรียงๆ เป็นแนวยาว
เป็นทางเดินที่เก๋มาก
ด้านในมีสวนสวยๆ ค่ะ แต่หมอกหนามากเลยไม่ได้เดินไป มานึกๆ ดูแล้วเสียดาย เวลาไปเที่ยวที่ไหนจริงๆ แล้วเราก็ควรเดินให้ทั่วให้ทะลุปรุโปร่ง
มีสถานีรถรางบนนี้ด้วยนะ
ไปต่อไม่รอแล้ว อยากไปเห็นปราสาทแล้วนั่งกระเช้าไปต่อกันเลย
เมื่อทะลุหมอกและแดดส่องเราก็เห็นปราสาทแสนสวยอยู่เบื้องหน้า
สวยตั้งแต่สถานีเลยเชียว
เมอร์เคียว บาน่าฮิลส์ เฟรนซ์ วิลเลจ (Mercure Danang French Village Bana Hills Hotel) เป็นโรงแรมแห่งแรกในเครือแอคคอร์โฮเทล ตั้งอยู่บนเทือกเขาบาน่าฮิลล์ (Ba Na Hills) ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,480 เมตร
เดินออกมาจากสถานีก็จะเจอกับลานฟักทอง เราไปช่วงใกล้ฮาโลวีนด้วยบรรยากาศเดือนตุลาคมก็เลยจะอบอวลไปด้วยผีๆ
หนูไม่กลัวผีค่ะ ^^
โลกแห่งเทพนิยายชัดๆ หันไปทางไหนก็สวยไปหมด
ตรงนี้คือ Main Lobby ที่ไม่ว่าเราจะพักโรงแรมไหนต้องมาเช็คอินที่นี่ก่อนค่ะ
Mercure Danang French Village Bana Hills มีโรงแรมทั้งหมด 6 ที่ ได้แก่
– Hôtel De Marseille
– Hôtel De Strasbourg
– Hôtel De Nice
– Hôtel De Toulouse
– Hôtel De Lyon (เราพักที่นี่)
– Hôtel De Paris
ซึ่งสามารถเดินหากันได้ค่ะ
เราไปถึงก่อนเวลาเช็คอินก็เลยฝากกระเป๋าแล้วไปทานมื้อเที่ยงกัน ซึ่งมีร้านอาหารให้เลือกเยอะมาก ซึ่งเราฝากท้องมื้อแรกที่ L’ ETABLE
เป็นห้องอาหารที่แนะนำว่าอย่าลืมขึ้นไปชั้นสองจะตื่นตาตื่นใจมาก เสียดายลืมถ่ายรูปมาอวด อาหารของห้องอาหารนี้จะเป็นแนว A La Cart และมีสลัดผักให้ตักทานระหว่างรออาหารจานหลัก
สั่งกันมาเยอะมาก และหิวมากเช่นกันดังนั้นเลยเอารูปมาอวดไม่กี่อย่างนะคะ ซึ่ง 2 อย่างนี้คืออร่อย
และที่ห้องอาหารนี้ก็มีขนมตบท้ายอย่างช็อกโกลาวาแสนอร่อยอีกด้วย หรือถ้าไม่อยากเสียเงินแพงขอแนะนำขนมไข่หงส์คืออร่อยมากมีขายหลายจุดบนนั้นเลยค่ะ นี่ซื้อไปหลายลูก
เอาล่ะอิ่มแล้วได้เวลาเข้าห้องพักกัน
การออกแบบสถาปัตยกรรมของโรงแรมแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหมู่บ้านของฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 19 ซึ่งเราพักที่ Hôtel De Lyon แต่ละห้องจะมีชื่อคนที่ออกแบบติดไว้หน้าห้อง
Mercure Danang French Village Bana Hills ประกอบด้วยห้องพักและห้องสวีท จำนวน 494 ห้องแบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่
– Standard (King , Twin)
– Superior (King , Twin)
– Deluxe (King , Twin)
– Exclusive Suite
– Family (Suite , Bunks , Superior)
ห้องพักของเราเป็นแบบดีลักซ์ค่ะ
เปิดประตูเข้าไปว้าวทีเดียวเพราะห้องกว้างขวางมาก
มีอ่างล้างหน้าตรงกลางห้อง
แต่น่าเสียดายไม่มีอ่างอาบน้ำจุดนี้เมลลี่ซีเรียส 55 นางทำหน้าหงอยแล้ววิ่งออกไปดูห้องเพื่อน
มีความน่ารักมากๆ ที่ชอบก็ตรงขนมที่เตรียมไว้ให้ในห้องนี่เลยค่ะ อร่อยด้วยนะ
และว้าวสุดๆ ก็ตรงมุมนี้เป็นระเบียงที่ใช้โปรโมทถ้าเลือกได้ก็อยากให้มาพักห้องนี้นะ ยกให้เป็นห้องที่สวยที่สุดก็ว่าได้
มุมมองจากระเบียงห้องพัก
ห้อง Superior ที่เพื่อนพัก มีเตียงสองชั้นด้วย สรุปว่าเมลลี่วิ่งมานอนห้องนี้ปล่อยให้พ่อแม่สวีทกันไป ฮ่า
พาไปดูส่วนอื่นๆ กันบ้าง บริเวณนี้คือสระว่ายน้ำส่วนกลางค่ะ แต่ไม่เห็นมีใครว่ายน้ำ แม้ว่าข้างนอกจะอากาศหนาวแต่ว่าสระว่ายน้ำอุ่นสบาย แอบเอามือไปจุ่มดูละ
พาไปดูคาเฟต์กันบ้างที่ Le Teroir
ที่นี่มีกาแฟที่คั่วเองด้วยนะคะ สายกาแฟต้องไปชิมกาแฟหอมๆ
หลังจากนั้นพาเมลลี่ไปปลดปล่อยที่ Fantasy Park
มีเครื่องเล่นหวาดเสียวตั้งแต่ทางเข้าเลยค่ะ
การแสดงบนเวที
บ้านไหนมีเด็กต้องไปเลยนะ
Jurassic ด้านในอลังการทำได้เหมือนจริง
ที่ Fantasy Park มีหลายชั้นเลยค่ะ สามารถอยู่ที่นี่ได้ครึ่งวันเลยส่วนที่ฮอตที่สุดคือรถไฟรางที่แถวยาวมากกก ตั้งใจว่าจะตื่นมาต่อคิวเช้าวันต่อมาก็ยังไม่ทันอยู่ดีค่ะ ฮอตจริง
และที่พลาดไม่ได้คือจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก เราต้องเดินไปทางนี้ค่ะ
ขึ้นบันไดมาเหนื่อยๆ แวะพักถ่ายรูปกับดอกไฮเดรนเยียกันก่อนได้
ยังต้องเดินต่อไปอีกนะคะ
มาถึงด้านบนมีลักษณะเป็นวัดจีนค่ะ เมลลี่รีบบอกว่าจะไปไหว้พระ
และเราจะได้เห็นภาพมุมกว้างของปราสาทหลังงามที่รายล้อมไปด้วยหมอก ในรูปประมาณ 4 โมงเย็นนะคะ
พระอาทิตย์จะตกอีกฝั่ง เราทั้งหมดยืนชื่นชมบรรยากาศจนเต็มอิ่มก่อนที่จะลงไปทานมื้อเย็นกันค่ะ ยิ่งอยู่นานยิ่งหนาวด้วย
มื้อเย็นเป็นบุฟเฟต์ห้องอาหารใหญ่โตค่ะ
อาหารหลากหลายดีแต่ไม่ถึงกับว้าวมาก ปลาหมึก กุ้ง ฝั่งนี้ อร่อย
กินข้าวอิ่มแล้วอยากจะจัดเบียร์ไปที่นี่เลย Beer Plaza แต่จริงๆ แล้วเป็นบุฟเฟต์ที่เราต้องจ่ายค่าอาหารด้วย
เลยได้แค่เข้าไปดูค่ะว่าจะอลังการแค่ไหน
ซึ่งก็มีการแสดงให้ชมกันเพลินๆ หลายชุดเลย
อย่างที่บอกว่าตกเย็นเหมือนเรากลายเป็นเจ้าของปราสาท ผู้คนเริ่มหายไป
เดินถ่ายรูปมุมไหนก็เพลินยิ่งตอนที่แสงไฟเปิด ตัดกับแสงสีน้ำเงินของขอบฟ้าที่นี่ก็ดูเงียบสงัด
แม่ไข่ชอบรูปนี้เป็นพิเศษดูขลังอย่างบอกไม่ถูก
เช้าวันใหม่
หมดเวลา 2 วัน 1 คืน Mercure Danang French Village Bana Hills ทริปสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยความประทับใจทุกวันนี้เวลาเห็นปราสาทที่ไหนเมลลี่จำได้ว่าเคยไปเที่ยวมา
Website : http://www.mercure-danang-banahills-french-village.com/
Facebook : https://www.facebook.com/MercureBanahills/