Somewhere Koh Sichang : เกาะสีชังเที่ยวง่ายไปได้ทุกฤดู

ฤดูไหนก็อยากไปทะเล
ทะเลช่วยเยียวยาทุกสิ่งได้จริงๆ นะ

ครอบครัวของเราชอบการเดินทางเดินป่า ภูเขา ทะเล เราไปได้หมดเราพยายามจะเลี้ยงลูกให้กินง่าย นอนง่าย ทำให้เรื่องการเดินทางไปไหนก็ไม่ค่อยน่าห่วง วันก่อนนั่งดูรูปในฮาร์ดดิสก์รู้สึกว่าเราไป “ทะเล” กันบ่อยมาก โดยเฉพาะเกาะ นับรวมแล้วก็เกิน 30 เกาะได้แล้ว และเกาะที่ไปบ่อยที่สุดยกให้ “เกาะสีชัง” เกาะเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของประวัติศาสตร์ เกาะที่มีความชิคและความสงบ ไม่รู้สิคะเราว่าเกาะสีชังเป็นเกาะที่มีเอกลักษณ์ มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ไปแล้วรู้สึกต้องมนต์จนต้องกลับไปซ้ำๆ และเกาะนี้ไปง่ายมากๆ นึกอยากจะไปก็ไปมีเวลาน้อยก็นั่งเรือกลับเลยก็ได้ ส่วนฤดูไหนควรไป บอกตรงนี้เลยค่ะ ฤดูไหนก็ไปได้ขึ้นอยู่กับใจล้วนๆ

เดือนก่อนก็เพิ่งจะไปเกาะสีชังแต่ไปแบบเช้า- เย็น คราวนี้ตั้งใจจะไปพักผ่อนสัก 3 วัน 2 คืน ล้อหมุนตอนสายๆ ไม่ได้รีบร้อนอะไรตามประสาครอบครัวมีลูกเล็ก (จริงๆ ลูกตื่นแต่เช้ามากแต่พ่อแม่ไม่ไหวเอง  ฮา)

เกาะสีชังอยู่หนใด?

อ.ศรีราชา ชลบุรี ใกล้กรุงเทพฯ แค่เนี่ย ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้ว เรือข้ามไปเกาะมีตั้งแต่ 7 โมงเช้า แต่นั่นก็เช้าเกิ๊น เราเลือกไปรอบ 11 โมงค่ะ ดังนั้นมีเวลาแวะเที่ยวศรีราชากันก่อน แวะที่นี่ค่ะ “อ่างเก็บน้ำบางพระ”


อ่างเก็บน้ำบางพระ เช้าๆ หรือ เย็นๆ จะมีคนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวมานั่งชิลล์ เดินเล่น บ้างก็ปั่นจักรยาน ออกกำลังกาย นักท่องเที่ยวนิยมมามากที่สุดช่วงดอกเสลาสีม่วงบานสะพรั่ง ประมาณเดือน กุมภาพันธ์ – มีนาคม ของทุกปี


ถ่ายรูปกันเล่นจนพอใจแล้ว ก็ได้เวลาใกล้เรือจะออกซึ่งเราไม่ต้องโทรไปซื้อตั๋ว หรือจองตั๋วเรือออนไลน์แต่อย่างใด ไปที่ท่าเรือจรินทร์ได้เลยค่ะทริปนี้เราไปค้างคืนและเลือกพักที่ Somewhere เกาะสีชัง ดังนั้นสามารถนำรถไปฝากค้างคืนที่ Kantary Bay Hotel ศรีราชาได้ฟรี! (โรงแรมในเครือเดียวกัน) พร้อมกับมีรถของโรงแรมไปส่งที่ท่าเรือด้วยค่ะ

ถึงท่าเรือใกล้ได้เวลาเรือออกพอดี คุณแม่วางแผนเวลาได้เป๊ะมากพูดเลยค่ะ


ค่าเรือคนละ 50 บาท เด็กไม่คิด แต่ว่าถ้าบอกว่าเด็กนั่งเก้าอี้ด้วยก็จ่ายเพิ่มอีก 50 บาท

เรือมี 2  ชั้น ใครกลัวความสูงแนะนำให้นั่งชั้นล่างเนื่องจากชั้นบนก็แอบโคลงเคลงหวาดเสียวเล็กน้อย สำหรับคนที่ไม่ได้กลัวความสูงด้านบนจะชิลล์กว่า
เด็กน้อยก็นอนตักแม่ไปสบายที่สุด
ชมวิวไปเรื่อยๆ ฟังเพลงไปหลายเพลง ประมาณ 45 นาที เรือก็นำเรามาถึงเกาะสีชังโดยสวัสดิภาพ

การเดินทางบนเกาะสีชัง?

จะมีมอเตอร์ไซค์ให้เช่าวันละ 250-300 ตามแต่ตกลง

หรือจะเช่าสกายแลปพร้อมคนขับให้พาเที่ยวก็ได้เหมือนกันค่ะ ราคาขึ้นอยู่กับสถานที่ที่จะไป ส่วนใหญ่วันละ 250 –  450 บาท

ส่วนเรามีรถของโรงแรมมารับด้วยเป็นรถที่น่ารักมากๆ กะว่าพรุ่งนี้ค่อยเช่ารถขับเที่ยวกัน

นั่งรถประมาณ 5 นาที ยังไม่ทันจะเมื่อยเลยค่ะก็ถึงแล้วไวมากก

บริเวณล็อบบี้โรงแรมสีฟ้าสดใสได้บรรยากาศทะเล้ทะเล

เนื่องจากเรามาถึงกันเร็วก่อนเวลาเช็กอิน ซึ่งจะเช็คอินได้บ่ายสองก็เลยทานอาหารเที่ยงรอห้องที่นี่เลยค่ะ ห้องอาหาร  Verandah มีเมนูทั้งไทย ยุโรป ครบที่เดียวค่ะ
บรรยากาศห้องอาหารตกแต่งได้อย่างสวยงาม ยังคงคลุมโทนสีฟ้า ทั้งเก้าอี้ ผ้าม่าน และพื้นไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่น


นอกจากบรรยากาศสบายๆ แอร์เย็นฉ่ำด้านในแล้ว หากใครอยากนั่งรับลมด้านนอกก็มีโซน outdoor ให้บริการด้วยค่ะ


อาหารจานเดียวสำหรับมื้อเที่ยงครอบครัวเราชอบสปาเก็ตตี้มาก โดยเฉพาะเมลลี่มาถึงก็บอก สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า ทันทีเลยค่ะ อร่อยถูกใจคุณพ่อคุณลูกแป๊บเดียวหมดเกลี้ยง

จานนี้ของคุณแม่ สปาเก็ตตี้เส้นดำทะเลรวมมิตร ขนมาทั้งอ่าวไทยมีปลาหมึก กุ้ง หอยแมลงภูตัวใหญ่ รสชาติจัดจ้านทีเดียวค่ะ

สเต๊กทีโบน ของคุณพ่อชิ้นใหญ่มาเลยค่ะ ตอนแรกบอกว่า “พ่อจะทานเบา” พอมาเสิร์ฟตกใจเลยค่ะ นี่เบาแล้วเหรอคะ ฮาา
เครื่องดื่มก็แตงโมปั่นเย็นชื่นใจ

นั่งทานข้าว ทำงานรอไปพลางๆ พนักงานก็บอกว่าห้องพร้อมเช็คอินแล้วเราไปดูกันเลยค่ะ
ซึ่งส่วนของห้องพักทั้งหมดจะอยู่ในอาคารหลังนี้ค่ะมี 2 ชั้น ชั้นบนจะมองเห็นทะเล

มุมอ่านหนังสือ
เนื่องจากวันที่ไปมีห้องว่างสองแบบพนักงานจึงให้เราเลือกเองค่ะว่าอยากนอนเตียงแบบไหน เปิดไปดูห้องนี้ก่อนเป็นห้องเตียงคู่ สีพาสเทลสบายตามาก


มาดูอีกห้องค่ะ ถือว่าเป็นห้องที่ใหญ่กำลังดีไม่รู้สึกอึดอัดและเมลลี่บอกว่า “เมลลี่จะนอนห้องนี้”
ห้องสีฟ้าสดใส มีมุมพักผ่อน โทนสีเข้ากับห้อง เตียงนุ่มสบายเมลลี่ขึ้นไปนอนอย่างไวเลยล่ะค่ะ


โดยเฉพาะหัวเตียงรูปปลาสีฟ้าตัวใหญ่ ถูกใจเลยค่ะ


อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในห้องถือว่าครบทั้ง ทีวี ตู้เย็น วิทยุให้ได้เปิดเพลงเบาๆ เข้ากับบรรยากาศทะเล



ห้องน้ำก็โทนสีฟ้า ขนาดกำลังดีถือว่าไม่เล็กเกินไป

ระเบียงมีมุมพักผ่อน

เบื้องหน้าคือทะเลค่ะ เกาะที่อยู่ตรงโน้นคือเกาะขาม

มองจากชั้นบนก็จะเห็นสระว่ายน้ำด้านล่าง


อีกฝั่งมีส่วนเล็กๆ ซึ่งจัดว่าเป็นโรงแรมที่จัดสรรพื้นที่ทุกตารางให้เกิดประโยชน์สูงสุด
หลังจากที่ถ่ายรูป นอนเล่นกันพอแล้ว ได้เวลาพาเด็กน้อยไปว่ายน้ำกันค่ะ



สระว่ายน้ำที่ Somewhere มีสระเด็กให้บริการด้วยปล่อยให้ลูกเล่นไปส่วนคุณแม่ก็ขอยึดสระผู้ใหญ่ไปค่ะ


มื้อค้ำที่ The Verandah Restaurant @Somewhere Kho Sichang
หลังจากเล่นน้ำกันนานหลายชั่วโมงก็ได้เวลาไปทานอาหารเย็นกันแล้ว ซึ่งครอบครัวของเราก็ไม่ได้ออกไปทานที่ไหนเนื่องจากติดจากอาหารมื้อเที่ยง ขอฝากท้องอีกสักมื้อสั่งมาครบเลยค่ะ

แกงเหลืองปลาแซลมอน 150 บาท รสจัดมากเลยค่ะ ใครชอบทานเผ็ดต้องสั่งเลยเมนูนี้ทานกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยมาก


ผัดไทยกุ้งสด
140 บาท เป็นผัดไทยที่ห่อมาอย่างสวยงามจัดงานได้น่าทานมาก
ครอบครัวนี้ชอบอาหารอิตาเลียน ซีซาร์สลัด 150 ก็ไม่พลาดที่จะสั่ง ผักสด กรอบ จานนี้ถือว่าเยอะเมื่อเทียบกับราคา

พิซซ่าหน้าแซลมอนรมควัน 300 บาท เมนูนี้เด็กทานได้ผู้ใหญ่ชอบ พิซซ่าแป้งบางแต่ไส้แน่นแซลมอลชิ้นใหญ่ถูกใจเลยค่ะ

เฟตตูชินี่ครีมซอสเห็ดทรัฟเฟิล 180 บาท เมนูโปรดของคุณพ่อเพิ่มความมันด้วยการเติมชีสลงไปตามใจชอบ

แก้เลี่ยนสักเล็กน้อยด้วยอิตาเลียนโซดา แก้วละ 70 บาท
ทานกันเรียกว่าแน่นมาก จนอยากไปว่ายน้ำรีดส่วนที่แน่นออกไป คุณแม่ขอเดินถ่ายภาพบรรยากาศกลางคืนให้มาฝากค่ะ




นั่งข้างนอกรับลมก็ชิลล์ดีนะคะ

เช้าวันใหม่…

ตั้งใจจะตื่นมาดูแสงเช้า แต่ฟ้ากลับไม่เป็นใจเลยนอนต่อซะเลย เตียงนุ่มสบายไม่อยากจะลุกเลยค่ะ แต่ลูกบอกว่าหิวข้าว คุณพ่อคุณแม่ต้องรีบตื่นโดยพลัน
อาหารเช้ามีทั้งแบบบุฟเฟต์และอาลาคาร์ท




เมนูที่สั่งเพิ่มได้เช่น ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ต้ม เบคอนกรอบ ไส้กรอกหมู ไส้กรอกไก่ แฮมสไลด์ ซอฟต์เบคอน หรือจะเป็นข้าวต้ม ข้าวผัด ถือว่าหลากหลายอยู่เหมือนกันค่ะ
ทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วไปเที่ยวกับพี่มั้ย รับรองไม่มีหลงทางมีแต่หลงรัก ฮิ้ววว


คุณแม่ไม่ได้ขับเองหรอกนะคะ เราใช้บริการเช่ารถพร้อมคนขับพาเที่ยวหนึ่งวัน ไปเช็กอินที่แรกศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ขับขึ้นไปเลยค่ะลูกพี่

ด้านขวามือเราจะพบกับศาลเจ้าแม่กวนอิม สามารถเดินขึ้นไปสักการะขอพรก่อนได้เลยค่ะ


หลังจากไหว้เจ้าแม่กวนอิมแล้วเราจะขึ้นไปไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่ต่อ ซึ่งสามารถเดินขึ้นบันได ไม่ได้สูงมากนะคะจริงๆ ก็เดินได้
แต่มีลูกเล็กขอเลือกเป็นกระเช้าดีกว่าค่ะ แป๊บเดียวถึง
ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ตั้งอยู่บนเขาห่างจากท่าเรือเทววงศ์ไปทางด้านเหนือของเกาะ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะสีชังให้ความเคารพนับถือ ลักษณะเป็นถ้ำซึ่งดัดแปลงเป็นศาสนสถานที่ผสมผสานด้วยสถาปัตยกรรมจีนและไทย จากบริเวณศาลมองเห็นทิวทัศน์บ้านเรือนด้านหน้าเกาะได้ชัดเจน


บริเวณศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ นอกจากจะมีถ้ำของเจ้าพ่อเขาใหญ่แล้ว ยังมีสถานที่สักการะอยู่ในบริเวณเดียวกัน ได้แก่ ศาลเจ้าแม่กวนอิม ศาลเจ้าโป๊ยเซียน ศาลเจ้าพ่อขุมทรัพย์ วิหารพระสังกัจจายน์ ศาลแป๊ะม้า – แป๊ะกง ศาลเจ้าพ่อเห้งเจีย และศาลเจ้าอู๋ไต้กง ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวได้สักการะในคราวเดียวกัน กับการมาสักการะเจ้าพ่อเขาใหญ่ด้วย ซึ่งเราสามารถซื้อธูป เทียน ในจุดจำหน่ายได้เลย
ที่นี่ยังเป็นสถานที่ทำบุญแก้ปีชงอีกด้วยนะคะ
หลังจากนั้นก็ไปต่อยัง มณฑปรอยพระพุทธบาท ชมวิวเกาะสีชังจากมุมนี้ก็สวยไม่แพ้กันค่ะ
สถานที่สำคัญถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเกาะนั่นก็คือ สะพานอัษฎางค์ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 มีตำนานเล่าขานกันว่ สะพานอัษฎางค์และช่องอิศริยาภรณ์ ช่องเขาขาด เกาะสีชัง เป็นสถานที่เติมความหวานให้ชีวิต ยามเช้าชวนกันมาเติมพลังแห่งรักกับแสงแรกของวัน ณ ปลายสะพานแห่งรัก และยามพระอาทิตย์ตกให้ไปอธิษฐานขอพรกลางช่องเขา เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพาคนรักมาด้วยกัน
ฝั่งนี้จะมีชายหาดแต่ว่าหินค่อนข้างหยาบ
หลายๆ คนจึงมักมาเดินเล่นชมวิว หรือจิบกาแฟที่เรือนไม้สีเขียวแห่งนี้


ไปเช็กอินกันต่อเมื่อเมลลี่อยากไปเล่นทรายเลยพาไปที่ หาดถ้ำพัง อ่าวอัษฎางค์ มีชายหาดที่ยาวที่สุดของเกาะ สามารถเล่นน้ำได้ มีเตียงผ้าใบนั่งฟรีแต่ก็ต้องสั่งอาหารจากร้านมาทานด้วย



ปล่อยลูกเล่นทรายไปส่วนคุณแม่ของีบบนเตียงผ้าใบสักครู่ อากาศเป็นใจลมพัดเย็นสบายมากเลยค่ะ

ก่อนที่จะพาลูกไปนอนช่วงบ่ายเราแวะไปชมความงามอีกฝั่งหนึ่งของเกาะไม่ไกลจากหาดชื่อว่า แหลมถ้ำพัง ไปถึงเห็นคนจีนมาถ่ายรูปกันเยอะเลยค่ะ
กลับมาถึงโรงแรมขอจัดขนมหวานกันก่อนเลยเนื่องจากแดดก็ร้อนอยู่เหมือนกันค่ะ
มีเมนูกล้วยกับไอศกรีม พร้อมกับช็อกโกแลตของโปรดของลูกสรุปว่าอิ่มขนมกันทั้งบ้าน
พักผ่อนกันประมาณจนถึง 4 โมงเย็น โทรบอกลุงคนขับให้มารับอีกรอบ คราวนี้ลุงพาไปอีกฝั่งของเกาะคือฝั่งท่ายายทิม มุมนี้เราสามารถเห็นเกาะค้างคาวที่อยู่ตรงข้ามเกาะนี้สามารถดำน้ำดูปะการังได้ ส่วนแพนั่นมีให้เช่าล่องแพ เล่นน้ำ ตกปลาด้วยนะ เผื่อใครสนใจไปถามแถวๆ ท่าเรือได้เลย
ก่อนจะกลับหันไปเห็นชาวบ้านมาหาหอยแถวนี้กันด้วย

เลี้ยวไปถ่ายรูปกับเปลในตำนาน ตรงนี้อยู่บริเวณทางเข้า ปารี ฮัท
สถานที่สุดท้ายเราตั้งใจจะไปชมพระอาทิตย์ตกที่ช่องเขาขาด เดินเล่นบนสะพานวชิราวุธรอเวลา ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นิยมมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันค่ะ วันนั้นเราก็เจอคู่นึงด้วย

พระอาทิตย์ตกน้ำ นั่งมองมุมนี้ไม่มีเบื่อเลยค่ะ
หลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าอย่าเพิ่งรีบกลับเพราะคุณอาจจะได้เห็นฟ้าระเบิดแบบนี้


แสงสุดท้ายจบลงเวลาของความสุขช่างผ่านไปไวมาก…ได้เวลากลับแล้วสินะ
ขากลับเราแวะทานอาหารตามสั่งที่ลุงคนขับรถสกายแลปแนะนำ จำชื่อร้านไม่ได้อยู่ใกล้ๆ ช่องเขาขาด อาหารอร่อยเลยค่ะราคา 40-50 บาท จานใหญ่อลังการมากด้วยความหิวเลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้
เช้าสุดท้าย..วันนี้เราเลือกกลับเรือรอบ 9 โมง เนื่องจากอยากไปเที่ยวต่อบนฝั่งต้องอำลาเกาะสีชังแต่เพียงเท่านี้
ขากลับเรือแวะมารับคนบนเกาะขามด้วย เราอยากจะไปเดินเล่นบนเกาะนี้มากเพิ่งได้เข้ามาเห็นระยะใกล้ที่สุดก็วันนั้นเอง



เกาะสีชัง เที่ยวง่ายไปได้ทุกฤดู เกาะเล็กๆ ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวให้ได้สนุก ชิลล์ พักผ่อน ไม่รู้เบื่อ

หากใครสนใจที่พักสวยๆ บนเกาะ Somewhere  Koh Sichang อีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้วันพักผ่อนเต็มไปด้วยความสุขค่ะ

Somewhere Koh Sichang เริ่มต้น 2,000 ++ เท่านั้นค่ะ ข้อมูลเพิ่มเติม

Website : http://www.somewherehotel.com/th/dining.html
เบอร์โทรศัพท์ : 038 109 400

 

teawbebgru

เราก็แค่ครอบครัวที่รักการเดินทาง ดีใจที่ได้พาลูกท่องโลกกว้างด้วยกัน ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเรื่องเล่าของเรานะคะ ^^ติดต่องาน E-mail : [email protected]

ใส่ความเห็น