เที่ยวแบบกรู>>พาไปบุกถ้ำหมาป่าที่มีไก่ทอดรสเด็ดเหมาะแก่การแกล้มเบียร์เย็นๆ ร้านนี้ไม่ใช่แค่เป็นบาร์เบียร์เท่านั้น กลางวันก็สามารถไปดื่มกาแฟ สบายๆ ในร้านที่ตกแต่งได้มีสไตล์สุดๆ ไปดูกันค่ะ
The Hungry Wolf ร้านไก่ทอดสัญชาติไทย ที่เราตามไปชิมจากกระทู้เมื่อสถาปนิกเกิดอยากทำร้านไก่ทอด เราเองก็ชอบกินไก่ทอดมากๆ งานนี้ก็เลยหนีลูกกับสามี ชวนเพื่อนไปชิมสักหน่อยหน้าตาแลดูเป็นชะนีหิวไก่มาก
ร้านจะเป็นอาคารพาณิชย์ติดถนนย่านเหม่งจ๋าย แค่หน้าร้านก็รู้สึกตื่นเต้นแล้วสิเธอเข้าไปดูข้างในกันดีกว่า แต่ก่อนที่จะเข้าไปด้านใน มุมนี้เป็นมุม out door รับลมหนาว (ที่กำลังมาเยือนหรือเปล่านะ) นั่งตรงนี้ก็ดีเหมือนกัน
เราว่ามุมนี้เหมาะแก่การนั่งจิบเบียร์ตอนเย็นๆ มองรถราที่แล่นผ่านไปผ่านมา
หรือจะมานั่งเม้ามอยมุมนี้เหล่หนุ่มก็โอนะ
แต่เราว่าหล่อนเข้าไปข้างในกันมั้ย นั่งยิ้มเหงือกแห้งข้างหน้านานไปละนะ
“ห๊ะใครเรียกคะ”
/หันข้างยิ้มเบาๆ นี่คือท่าทีเผลอของหล่อนสินะ
เปิดประตูเข้าสู่ถ้ำหมาป่ามีพื้นที่ 2 ชั้น กับการตกแต่งสไตล์ vintage loft บรรยากาศแนวโกดังท่าเรือ ร้านที่ไม่ใช่แค่เรื่องอาหาร ถ้าใครมาที่นี่จะได้แรงบันดาลใจในการตกแต่งบ้าน ตกแต่งร้านตัวเองเยอะเลยเพราะที่นี่ตกแต่งด้วยงบประมาณที่จำกัด แต่ดูแพงเลยล่ะ
ขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์
โดยส่วนตัวเราชอบกระเบื้องแบบนี้ แต่ขอบอกว่าร้านนี้ทำซะเนียนเชียวเพราะที่เห็นไม่ใช่กระเบื้องแต่เป็นสีที่ทาขึ้นมาเพื่อให้ดูเหมือนกระเบื้อง
มุมนี้เหมาะแก่การปลีกวิเวกเอาโน้ตบุ๊คมานั่งทำงานเพราะ wifi ก็มีสั่งไก่มาสัก 2 จาน ยาวๆ สมองแล่นปรี๊ดๆ
ชั้นล่างก็มีเท่านี้ เดินขึ้นไปสำรวจชั้นสองกันต่อเราไปสะดุดตากับฝ้าที่บ้านโบราณชอบใช้กัน แต่ The Hungry Wolf เลือกใช้เพราะว่าถูกประหยัดงบและยังสวยเพิ่มความคลาสสิกด้วยการทำให้ดูเก่าขึ้นมาแบบนี้
ผนังด้านซ้ายมือมองแวบแรกเชื่อว่าทุกคนจะเห็นเป็นเหล็ก แต่จริงๆ ไม่ใช่ เซฟงบและดูดีอีกแล้วด้วยการทาสีดำของจริงคือผนังวีว่าบอร์ด เมื่อทาสีเสร็จแล้วเอาหมุดเหล็กมาติด เหมือนทั้งบานนี้คือเหล็กแบบ Loft จริงๆ
ชั้นสองดูโล่งๆ มืดๆ เข้ม ๆ สไตล์ผู้ชายๆ หน่อย แต่เราชอบแบบนี้คือด้วยความที่ข้างนอกร้อน แดดเปรี้ยงๆ พอเข้ามาแล้วรู้สึกปลอดภัยให้ความรู้สึกถ้ำหมาป่าจริงๆ พอกลางคืนมุมนี้ก็จะกลายเป็นเสียงหัวเราะของความสนุก เมื่อคาราวานเครื่องดื่มเบียร์นอกทั้งหลายถูกยกมาวาง นี่มันแหล่งรวมตัวที่ดีมากๆ
ของตกแต่งไม่ต้องเยอะมาก นอกจากความดิบๆ แล้วเพิ่มความสบายตาด้วยแจกันดอกไม้หน่อย ภาพวาด หรือแม้แต่เครื่องดนตรีให้รู้สึกมีมุมผ่อนคลาย
สองชะนีก็หยิบกีต้าร์มาลั้ลลากันสองคน ให้ตายเถอะมุมนี้ถ้าใครเมาหลับได้เลยนะนั่น
มาๆ ไ้ด้เวลามาดูของอร่อย เมนูของร้านจะเด่นเรื่องไก่ทอดเพื่อเป็นกับแกล้มกับเบียร์จัดว่าเด็ดมาก จะมี 2 แบบ คือ
Original 6 ชิ้น 149 บาท 12 ชิ้น 249 บาท
ไก่ทอดสูตรเด็ดรสซอสกระเทียมหวานเค็มกลมกล่อมหอมกลิ่นเครื่องเทศ เนื้อแป้งจะกรอบนอกนุ่มใน รสนี้หากใครไม่กินเผ็ดหรือกินเผ็ดไม่ได้ก็สามารถบอกร้านว่าไม่เอาพริก แต่ถ้าใครไม่ติดเรื่องความเผ็ดพริกแห้งกับเครื่องเทศไปตัดรสหวานเค็ม คือเข้ากันลงตัวอร่อยให้ผ่าน
Spicy ุ6 ชิ้น 149 บาท 12 ชิ้น 249 บาท
ไก่ทอดรสชาติที่บ่งบอกความเป็นไทยด้วยการนำใบกะเพราและเครื่องเทศแบบไทยมาคลุกเคล้ากันกลายเป็นไก่ทอดจี๊ดจ๊าดที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเข้ากันได้ดีมาก ชิ้นนี้แกล้มเบียร์จัดว่าอร่อยจนลืมคุยกับเพื่อน
จริงๆ ตอนเสิร์ฟมาร้อนๆ ใบกะเพราจะไม่เหี่ยวแบบนี้นะ ยัยพวกนี้ถ่ายรูปนาน 55 ของจริงน่ากินกว่านี้อีกค่ะ
หรือวันนี้ยังไม่อยากดื่ม หากจะหาของแน่นๆ แนะนำ
Spicy Basil 89 บาท
ข้าวกะเพราแบบโบราณ แห้ง เผ็ด กลมกล่อมในสไตล์ต้นตำรับหาทานยาก ซึ่งปกติเวลาเราไปตามร้านตามสั่ง สั่งกะเพราะไก่ไข่ดาวทีไรมาแล้วมีทั้งถั่วและผักอะไรไม่รู้ผสมกันเยอะแยะไปหมด แต่ The Hungry Wolf กะเพราล้วนๆ เนื้อแน่นๆ สับละเอียด มีหมู ไก่ สั่งได้ตามชอบ เมนูนี้ ฟรี ชามะนาว / พีช / แอปเปิ้ล มูลค่า 30 บาท
บางคนบอกทำไมมีแต่ของเผ็ด เราไม่กินเผ็ดนะ งั้นแนะนำเมนูนี้เลย
Chicken Salad 159 บาท
สลัดอกไก่เนื้อล้วนๆ ไร้หนังและไขมัน พร้อมผักสดราดซอสมายองเนส อิ่มอร่อยได้คุณค่า 
อีกเมนูกับแกล้มที่อยากแนะนำ
Fried Larb 120 บาท
ลาบทอดรสเด็ด ไม่เสียรสชาติแบบดั้งเดิมทอดผ่านน้ำมันให้หอมกรุ่น กรุบกรอบนิดๆ กำลังดี ทานคู่กับผักสด หลังจากนั้นก็ชนแก้ว
มีแต่ของทอดไปแล้ว มันต้องมีอะไรซดร้อนๆ ให้คล่องคอสักหน่อย
Super Spicy 150 บาท
ต้มซุปเปอร์รสจัดจ้านในตำนาน ที่เชฟเล่าว่าสูตรลับมาจากรุ่นสู่รุ่น ไก่ที่ผ่านการตุ๋นน้ำซุปเข้าเนื้อ ส่วนน้ำซุปไม่ต้องพูดถึงไม่ได้มีดีแค่หน้าตาแต่รสชาติแซบจี๊ดจ๊าดถูกใจนักดื่มแน่นอน
ไปกันสามคนพวกหล่อนสักกันประหนึ่งมีเลี้ยงรุ่น 55
เครื่องดื่มนอกจากที่ The Hungry Wolf จะเน้นเบียร์นอกแล้วยังมีกาแฟ แนะนำ Caramel Latte 60 บาท , Hot Cappucino 55 บาท ในส่วนของเครื่องดื่ม Freppe นี่เลยเด็ดมาก
Strawberry smoothie 75 บาท เลอค่า วิปครีมนุ่มมาก เราเป็นคนชอบเครื่องดื่มประเภทนี้อยู่แล้ว นี่ขณะที่นั่งเขียนรีวิยังติดใจในรสชาติอยากได้สักแก้วตอนนี้เลย
หิวแล้ว พอๆ เลิกถ่ายค่ะ กินค่ะ
โดยรวมรสชาติของอาหารเราไม่หักคะแนนเลย เพราะชอบจริงๆ บรรยากาศเหมาะแก่หนีลูกกับสามีไปปาร์ตี้เบาๆ กับเพื่อนมากๆ ข้อเสียเรื่องเดียวคือไม่มีที่จอดรถ แต่ถ้าไปตอนมืดค่ำหลัง 3 ทุ่มจอดหน้าร้านได้เลย
การเดินทาง :
หากมาจากรัชดาให้มุ่งหน้าเหม่งจ๋าย จะเห็นโลตัสเอ็กซ์เพรสทางซ้ายมือให้เริ่มชะลอ เลยโลตัสไปอีกนิดเดียวร้านจะอยู่ขวามือมีป้ายเด่น
The Hungry Wolf
เปิดบริการทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์ ) เวลา 12.00 – 24.00 น.
เบอร์โทรศัพท์ :089 689 0599
Facebook :https://www.facebook.com/thehungrywolffriedbar/
ขอบคุณช่างภาพรับเชิญ : paramis panatuk
